โกลบอล ไทมส์ ซึ่งเป็นสื่อแนวชาตินิยมของจีนรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ม็อบราษฎร ที่ออกมาประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในไทย โดยสื่อจีนระบุว่าในเวลานี้สถานการณ์การเมืองไทยมีความร้อนแรง หลังมีเหตุประท้วงต่อต้านรัฐบาล ซึ่งนำโดยกลุ่มนักศึกษา
โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้อ้างว่ารัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ล้มเหลวในการบริหารประเทศในหลายๆด้าน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาอัตราการว่างงานที่เพิ่มสูง รวมทั้งปัญหารัฐธรรมนูญ ที่กลุ่มผู้ประท้วงอ้างว่าเอื้อให้รัฐบาลทหารอยู่ในอำนาจต่อ
นอกจากนี้ สื่อจีนได้เปรียบเทียบความเหมือนระหว่างการประท้วงในไทยและฮ่องกงเป็น 4 ข้อดังนี้
1.การประท้วงขับเคลื่อนโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งการประท้วงในไทยครั้งนี้แตกต่างจากการประท้วงใหญ่เมื่อหลายปีก่อน ที่แบ่งเป็นกลุ่มเสื้อเหลืองและเสื้อแดง
2.การประท้วงในฮ่องกงและไทยมีการจัดระเบียบเป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มผู้ชุมนุมต้องได้รับเงินสนับสนุนจากกบุคคล หรือมีองค์กรอยู่เบื้องหลัง โดยสื่อของจีนได้ยกตัวอย่างที่กลุ่มผู้ประท้วงมีอุปกรณ์ป้องกันต่างๆพร้อม เช่นหมวกนิรภัย แว่นนิรภัยและร่ม ซึ่งเป็นเรื่องยากที่นักศึกษาทั่วไปจะระดมหาเงินได้มากเช่นนี้
3.รูปแบบการประท้วงของกลุ่มผู้ชุมนุมในไทย มีรูปแบบเหมือนกับการประท้วงในฮ่องกง คือมีการนัดรวมตัวกันตามสถานที่สำคัญ ย่านช้อปปิ้ง และสถานีรถไฟใต้ดินเพื่อเรียกร้องความสนใจจากประชาชน ทั้งยังใช้ร่มเป็นสัญลักษณ์การประท้วง และใช้วิธีการนัดหมายชุมนุมแบบกระชั้นชิดเพื่อหลีกเลี่ยงตำรวจ
4.กลุ่มผู้ประท้วงได้ตั้งเวที และใช้สิ่งกีดขวางเหมือนกับการประท้วงในประเทศตะวันตก มีกล้องถ่ายภาพแบบมืออาชีพจับภาพกลุ่มฝูงชน และภาพที่เร้าอารมณ์และความรู้สึก เช่นภาพที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมกับกลุ่มผู้ประท้วง ที่ไม่มีอาวุธ จนเป็นภาพไวรัลในโลกโซเชียลเพื่อแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของรัฐบาล ที่ทำกับผู้ประท้วง
ขณะที่รัฐบาลไทยและสื่อกระแสหลักในไทยเชื่อว่า ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลสมรู้ร่วมคิดกับสหรัฐฯและกลุ่มประเทศตะวันตก โดยใช้คนหนุ่มสาวเป็นเครื่องมือ เพื่อล้มล้างระบบการเมืองการปกครองของประเทศไทย
ทั้งนี้ ข้อสังเกตทั้ง 4 ข้อเหล่านี้ล้วนเป็นลักษณะการประท้วงในสหรัฐฯ และสหรัฐฯเคยใช้วิธีเช่นนี้ในกลุ่มประเทศสหภาพโซเวียต ตะวันออกกกลางและประเทศในภูมิภาคอื่น ซึ่งส่งผลให้หลายประเทศพบกับความยุ่งเหยิง