ปฏิบัติการกู้เรือ Ever Given (เอเวอร์ กิเวน) ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่ เกยตื้นและขวางคลองสุเอซเป็นเวลาราว 1 สัปดาห์ได้ประสบความสำเร็จแล้ว หลังทีมเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำเรือดังกล่าวกลับมาเคลื่อนตัว และลอยน้ำได้ตามปกติอีกครั้ง โดยบริษัทกู้ซากเรือบอสคาลิส จากเนเธอร์แลนด์ ซึ่งดูแลภารกิจดังกล่าวเปิดเผยว่า เรือเอเวอร์ กิเวนได้ลอยลำในทะเลอีกครั้งเมื่อเวลา 15.05 น. ตามเวลาท้องถิ่นของเมื่อวานนี้ (28 มี.ค.64) ซึ่งส่งผลให้การสัญจรในคลองสุเอซเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ส่วนปฏิบัติการกู้เรือเอเวอร์ กิเวนได้เริ่มต้นด้วยการขุดลอกทรายราว 30,000 ลูกบาศก์เมตรอยู่บริเวณรอบๆเรือลากจูงรวม 11 ลำ และใช้เรือเดินสมุทร 2 ลำช่วยลากจูงเรือออกมา ขณะที่ทีมเจ้าหน้าที่ก็ได้เคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์บางส่วนลงมาจากเรือเพื่อให้น้ำหนักบนเรือเบาลง และสะดวกในการลากจูง
ด่วน! Ever Given เรือยักษ์บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์เริ่มขยับแล้ว หลังทำคลองสุเอซอัมพาตนาน 1 สัปดาห์
ขณะนี้มีเรือหลาย 10 ลำได้ลากเรือเอเวอร์ กิเวนไปยังทะเลสาบเกรท บิทเทอร์ ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำเค็มในอียิปต์เชื่อมต่อกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทะเลแดงผ่านคลองสุเอซแล้วเพื่อทำการตรวจสอบสภาพเรือต่อไป
ทั้งนี้ เหตุเรือเอเวอร์ กิเวน ซึ่งมีน้ำหนักกว่า 200,000 ตัน ติดขวางคลองสุเอซได้ส่งผลให้เรือ 321 ลำ ทั้งบริเวณตอนเหนือและตอนใต้ติดค้าง และรอเดินทางผ่านคลองสุเอซ
อย่างไรก็ดี แม้ว่าเรือเอเวอร์ กิเวนจะเคลื่อนตัวจากคลองสุเอซได้แล้ว แต่ทางสำนักงานท่าเรือคลองสุเอซได้เตือนว่าอาจต้องใช้เวลาอีกกว่า 3 วัน ก่อนที่จะเคลียร์เส้นทางที่เรือต่างๆติดค้างในคลองสุเอซได้ทั้งหมด ขณะที่บริษัทเมอส์กคาดว่าเส้นทางการเดินเรือบริเวณคลองสุเอซอาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ หรืออีกหลายเดือนกว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง หลังเกิดเหตุเรือเอเวอร์ กิเวนติดค้างนานเกือบ 1 สัปดาห์
อัดแน่น! เรือ 321 ลำติดรอผ่าน คลองสุเอซ เหตุเรือยักษ์เกยขวางคลอง
เรือยักษ์ Ever Given ถูกพายุซัด ขวางทางเดินเรือ เศรษฐกิจหยุดชะงัก
ทั้งนี้ คลองสุเอซเป็นทางน้ำที่ขุดขึ้นเพื่อเชื่อมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับทะเลแดง อันเป็นเส้นทางเดินเรือสินค้าทางทะเลที่สำคัญของโลก เนื่องจากเอื้อให้เรือเดินทางระหว่างยุโรปกับเอเชียใต้ได้โดยไม่ต้องอ้อมไปทางใต้ของทวีปแอฟริกา ช่วยย่นระยะทางทางทะเลระหว่างยุโรปกับอินเดียได้ประมาณ 7,000 กิโลเมตร โดยร้อยละ 12 ของปริมาณการค้าทั่วโลกล้วนต้องขนส่งสินค้าผ่านทางน้ำสายนี้
ขอบคุณภาพ Xinhua