ผลวิจัยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงได้เปิดเผยผลการศึกษาเชื้อโควิดสายพันธุ์ โอไมครอน ที่กำลังแพร่ระบาดใน 77 ประเทศทั่วโลกในเวลานี้ ซึ่งผลการศึกษาดังกล่าวระบุว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนมีการเพิ่มจำนวนได้รวดเร็วกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าราว 70 เท่า
นอกจากนี้ ยังพบว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเติบโตในเนื้อเยื่อปอดได้ช้ากว่าสายพันธุ์เดลต้า 10 เท่า ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้สายพันธุ์โอไมครอนมีความรุนแรงของอาการน้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้า
โอไมครอนสายย่อย ตรวจจับยาก ไม่ว่าวัคซีนยี่ห้อไหนหรือจะไขว้ก็ป้องกันไม่อยู่
อย่างไรก็ดี นายแพทย์ไมเคิล ชาน ไช่เว่ย นักวิจัยที่ทำการศึกษาเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนระบุว่า ผลการศึกษาดังกล่าวยังต้องมีการมีพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติมอีก เนื่องจากความรุนแรงอาการอาจไม่ได้พิจารณาจากการเพิ่มจำนวนของเชื้อเท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาถึงภูมิคุ้มกันต่อโควิดในแต่ละคนด้วย
นอกจากนี้ การที่เชื้อโอไมครอนแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว และมีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากก็อาจยิ่งทำให้เชื้อมีความรุนแรง และทำให้มีโอกาสที่จะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย แม้ว่าเชื้อจะมีความรุนแรงไม่มากก็ตาม ดังนั้น ผลการศึกษานี้ที่แสดงให้เห็นว่าเชื้อโอไมครอนสามารถหลบหลีกภูมิมคุ้นกันโควิด19ได้ และการที่เชื้อมีการแพร่ระบาดสูงก็เป็นสิ่งที่จะต้องเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญอย่างมาก
ไฟเซอร์ เผยผลวิจัย ฉีดเข็มสามดันภูมิขึ้น 25 เท่า ป้องกัน โอไมครอน
เจเรมี่ คามิล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยาและภูมิคุ้มกันวิทยาจากมหาวิทยาลัยลุยเซียนา สเตท ระบุว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนมีการแพร่ระบาด ที่สูงกว่าสายพันธุ์เดลต้า และมีความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกัน อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะแพร่ระบาดเชื้อได้เป็นอย่างดี แม้แต่ในหมู่ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น
สื่อสหรัฐฯ เผย พบโควิดโอไมครอนในน้ำเสีย ที่เมอร์เซด หลังแอฟริกาใต้รายงานWHO 1 วัน
อ้างอิง theguardian