ม็อบราษฎร — สื่อต่างประเทศยังคงเกาะติดการชุมนุมประท้วงของกลุ่มราษฎร ที่มีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามพื้นที่ต่างๆหลายจุดในกรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัดในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการท้าทายประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่สั่งห้ามชุมนุม โดยรอยเตอร์ส สื่อของอังกฤษระบุว่าผู้ประท้วงในไทยใช้เทคนิคเคลื่อนที่ไวแบบเดียวกับกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกง โดยจะให้นัดจุดชุมนุมและเวลาทางโซเชียลมีเดียในแบบกระชั้นชิดเพื่อให้ให้ตำรวจตั้งตัวไม่ทัน
ด้านดอยช์ เวลล์ สื่อของเยอรมนีกล่าวว่าโซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญอย่างมากสำหรับการชุมนุมประท้วงในไทย การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งมีที่มาจากเฟสบุ๊กกลุ่มรอยัลลิสต์ มาร์เก็ตเพลส ที่สร้างเมื่อเดือนเม.ย.2563 ที่มียอดสมาชิกมากกว่า 1 ล้านคน แต่เมื่อกลุ่มดังกล่าวถูกปิดไป ตามคำขอของกลุ่มกระทรวงดีอีเอส เนื่องจากมีการพูดถึงสถาบันได้อย่างเปิดเผย รองศาสตราจารย์ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการและผู้ลี้ภัยทางการเมือง ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มดังกล่าวได้สร้างกลุ่มใหม่ โดยตั้งชื่อว่ารอยัลลิสต์-ตลาดหลวง ซึ่งคราวนี้ยอดผู้ติดตามได้เพิ่มขึ้นถึง 1 ล้านภายในเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ และทำให้ขณะนี้ติดอันดับ 1 ใน 20 กลุ่มในเฟสบุ๊ก ที่มีสมาชิกมากที่สุดในโลก ขณะที่กลุ่มของคนรักสถาบันหลายเพจยังมีจำนวนสมาชิกในกลุ่มไม่มากเท่าที่ควร
ด้านรองศาสตราจารย์ปวิน ได้แสดงความคิดเห็นกับกับสื่อเยอรมันในประเด็นนี้ว่ากลุ่มคนรักสถาบันไม่เข้าใจโซเชียลมีเดียเหมือนกับตน และคนรุ่นใหม่ หรือพูดง่ายๆคือรัฐบาลไทยกำลังแพ้ทางอยู่ เพราะไม่สามารถตามเทคโนโลยีใหม่ๆได้ทัน
สื่อต่างประเทศเกาะติดสถานการณ์ชุมนุม ม็อบ 14 ตุลา
อย่างไรก็ดี ดอยซ์ เวลล์ยังได้ยกคำกล่าวของเจสัน ลานิเย่ร์ ผู้บุกเบิกด้านอินเตอร์เน็ตและนักวิจารณ์ ที่เคยกล่าวว่าโซเชียลมีเดียทำให้เรื่องการเมืองเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากโซเชียลมีเดียอาจสร้างความเข้าใจผิดๆ เช่นความคิดที่ว่าความสำเร็จบนโซเชียลมีเดียเพียงพอ ที่จะเปลี่ยนแปลงความสมดุลของอำนาจได้
นอกจากนี้ โซเชียลมีเดียมักทำให้เกิดการแบ่งขั้ว ทั้งทำให้ปมขัดแย้งรุนแรงขึ้น ซึ่งนี่ก็ถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในไทยเช่นกัน ที่การเมืองไม่มั่นคงมาเป็นเวลาหลายสิบปี มีการแบ่งขั้วและแบ่งข้างทางการเมืองบ่อยครั้ง และในเวลานี้ก็มีความเสี่ยงเรื่องการเผชิญหน้า, การประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, การประท้วงที่มีต่อเนื่อง และการบังคับใช้กฎหมายจากหน่วยงานความมั่นคงของรัฐ ที่เข้มงวดขึ้นกับกลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งจะเห็นได้จากการฉีดน้ำเข้าสลายการชุมนุม ที่แสดงให้เห็นว่าเหตุปะทะจะรุนแรงขึ้น และไม่อาจสามารถหาทางปรองดองได้
สื่อนอกรายงานกลุ่มผู้ประท้วงไทย ประท้วง ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 แม้มีการสั่งปิดขนส่งมวลชน
ดอยซ์ เวลล์ยังได้ยกตัวอย่างในช่วงอาหรับ สปริง ที่ประชาชนในกลุ่มประเทศอาหรับหลายประเทศออกมาประท้วงต่อต้านผู้นำเผด็จการ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากโซเชียลมีเดียอย่างเฟสบุ๊ก และทวิตเตอร์เช่นกัน แต่ในที่สุดแล้ว รัฐบาลเผด็จการในหลายประเทศก็ยังคงครองอำนาจอยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการปฏิวัติ หรือเปลี่ยนแปลงทางสังคมในวงกว้างยังต้องอาศัยเงื่อนไขทางสังคมและการเมืองเมืองมากกว่าโซเชียลดีเดีย