เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา สายการบินสหรัฐ ได้แก่ สายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ และอเมริกันแอร์ไลน์ ได้มีแผนปลดพนังงานในวันที่ 1 ต.ค. โดยสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ออกคำเตือนว่าพนักงานจำนวนครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 36,000 คน อาจถูกปลดออกจากงานตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.63 เป็นต้นไป และหลังจากนั้นไม่นาน อเมริกันแอร์ไลน์ ได้ออกคำเตือนเช่นเดียวกันว่า พนักงานประมาณ 25,000 คน เสี่ยงที่จะถูกปลดออกจากงานในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ซึ่งคำเตือนเหล่านี้อาจเกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็ได้
ช่วงเวลาที่ 2 สายการบินออกคำเตือนอยู่ในช่วงที่รัฐบาลประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ พยายามออกกฎหมายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ซึ่งต้องใช้เม็ดเงินจำนวนหลายพันล้านเหรียญสหรัฐในการรักษาการจ้างงานของธุรกิจสายการบิน
ไม่แบ่งเพศ! เจแปนแอร์ไลน์ ยกเลิกการใช้คำทักทาย ‘ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี’ กับผู้โดยสาร
ก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลสหรัฐได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกไปเมื่อต้นปี 63 โดยส่วนหนึ่งของมาตรการ ระบุให้สายการบินต้องให้คำมั่นที่จะรักษาการจ้างงานไปจนถึงวันที่ 1 ต.ค.นี้ เพื่อเป็นการตอบแทนความช่วยเหลือจากรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆนี้ อเมริกันแอร์ไลน์ และยูไนเต็ดแอร์ไลน์ เผยข่าวดีว่า จำนวนพนักงานที่จะถูกปลดออกจากงาน และถูกเลิกจ้าง อาจน้อยกว่าที่เคยได้ประกาศไป เนื่องจากพนักงานบางคนลาออกโดยสมัครใจ แต่อเมริกันแอร์ไลน์ ยังคงคาดว่า พนักงานประมาณ 19,000 คน จะถูกเลิกจ้าง ขณะที่ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ กล่าวว่า พนักงานที่จะถูกเลิกจ้างอาจมีจำนวน 16,370 คน ส่วนใหญ่เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องใหญ่
ลุฟท์ฮันซ่า สายการบิน สัญชาติเยอรมัน ลดพนักงานอีก หลังปลด 22,000 ตำแหน่ง
ดัก ปาร์กเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอเมริกันแอร์ไลน์ เปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวในสัปดาห์นี้ว่า หากไม่ทำอะไรเลย พนักงานของบริษัทจะถูกเลิกจ้างงานวันที่ 1 ต.ค.นี้ ซึ่งมันไม่ยุติธรรม และบริษัท อาจหยุดทำการบินไปยังเมืองเล็กๆ เช่น เมืองนิว เฮฟเว่น รัฐคอนเน็กติกัต และเมืองดูบิวก์ รัฐไอโอวาด้วย
อีกทั้ง เดลตาแอร์ไลน์ เห็นด้วยที่จะลดจำนวนนักบินประมาณ 220 คน ทำให้เหลือนักบินทั้งหมด 1,721 คน ขณะที่ผู้บริหารเจ็ทบลู กล่าวว่า จะปลดพนักงานด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่เห็นตัวเลขล่าสุดที่จะมีการปลด
เซ่นโควิด19 สายการบินไทเกอร์แอร์ ประกาศปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ขณะที่จำนวนผู้โดยสารลดลง 65% และธุรกิจสายการบินเผยว่า ในแต่ละเดือนต้องสูญเสียรายได้มากถึง 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สกอตต์ เคอร์บี้ ผู้บริหารสายการบินยูไนเต็ด ระบุว่า รายได้ของยูไนเต็ดจะต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ในช่วงปกติต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 15 เดือน และคาดว่าจะไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้เหมือนเดิมจนกว่าสถานการณ์การแพรระบาดของโควิด-19 จะคลี่คลาย และมีวัคซีนต้านโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพแล้ว ซึ่งเขาคาดว่าอาจยังไม่เกิดขึ้นไปจนถึงปลายปี 64