ลดน้ำหนักแบบ IF หรือ Intermittent Fasting คือการลดน้ำหนักแบบจำกัดช่วงเวลาการกิน โดยที่นิยมคือกิน 8 ชั่วโมง และอด 16 ชั่วโมง ซึ่งช่วงอดร่างกายจะดึงไขมันที่สะสมออกมาใช้

เทรนด์ ลดน้ำหนักแบบ IF หรือ Intermittent Fasting กำลังมาแรงและเป็นที่นิยมในประเทศไทยมาสักพักแล้ว วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting หรือเรียกสั้นๆ ว่า IF ให้เพื่อนๆ รู้จักกัน มาดูกันว่าวิธีการจะเป็นอย่างไร ต้องทำแบบไหน และน้ำหนักลดจริงหรือไม่ ?

ทำรู้จักกับ ลดน้ำหนักแบบ IF (Intermittent Fasting)
ลดน้ำหนักแบบ IF (Intermittent Fasting) เป็นวิธีการควบคุมน้ำหนักสูตรหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในต่างประเทศรวมถึงในประเทศไทย งซึ่งรูปแบบของ IF จะเป็นการกินอาหาร ที่เราจะกำหนดเวลาของมื้ออาหาร ไม่ตัดชนิดอาหาร หรือลดปริมาณอาหารลง แต่เพียงแค่เปลี่ยนเวลาในการกินอาหาร หรือเข้าใจง่ายๆ เลย คือ การกินอาหารในระยะเวลาที่กำหนด และ อดอาหารในช่วงเวลาที่เหลือนั่นเอง
รูปแบบของ ลดน้ำหนักแบบ IF
การ ลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting (IF) มีให้เลือก 5 รูปแบบ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนที่แตกต่างกัน
- แบบ Lean gains (ขั้นเบสิค)
การกินอาหารในช่วงเวลา 8 ชั่วโมง และอดอาหารในช่วงเวลา 16 ชั่วโมง หรือที่เรียกว่า สูตร 8:16 เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม เพราะทำได้ง่าย ต่อเนื่อง - แบบ Fast 5 (สายโหด)
จะมีเวลากินอาหารแค่เพียง 5 ชั่วโมงเท่านั้น หลังจาก 5 ชั่วโมงไปแล้ว จะต้องอดอาหาร 19 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง หากใครสู้ไม่ไหวอย่าลืมนึกถึงลิมิตของตัวเองกันะคะ - แบบ Eat Stop Eat
มีช่วงเวลาอดอาหารตลอดทั้งวัน 24 ชม. เป็นเวลา 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดย 5 วันที่เหลือสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ - แบบ 5:2
กินอาหารได้ตามปกติ 5 วัน แต่ต้องควบคุมไม่ให้เกินกว่าความต้องการการใช้พลังงานต่อวัน และ 2 วันที่เหลือต้องควบคุมปริมาณพลังงานจากอาหารให้ทานประมาณ 500-600 kcal - แบบ The Warrior Diet
รูปแบบนี้มีลักษณะวิธีการคล้ายการฉันอาหารของพระสงฆ์ และการถือศีลอดของชาวมุสลิม คือ สามารถเลือกได้ว่าจะอดอาหารตอนกลางวันหรือกลางคืน ซึ่งในช่วงที่อดจะกินได้แค่น้ำเปล่า รวมทั้งระยะเวลาในการอดจะกินเวลาประมาณ 19-20 ชม. ส่วน 5 ชั่วโมงที่เหลือสามารถทานอาหารได้ตามสบาย - แบบ Intermittent Fasting ADF (Alternate Day Fasting)
แบบ ADF คือ การอดอาหารแบบวันเว้นวัน อดอาหาร 1 วัน กินอาหาร 1 วัน แล้วกลับมาอดอีก 1 วัน ในวันที่ทำ IF เราสามารถกินอาหารแคลอรีต่ำได้ แต่ต้องกินให้น้อยที่สุด
หลักการทำงานของ ลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting (IF)
เมื่ออาหารเข้าปากจะใช้เวลาในการย่อยและดูดซึมอาหาร ประมาณ 3-5 ชม. ซึ่งในช่วงเวลานั้น ร่างกายจะมีปริมาณอินซูลินสูงขึ้น เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือด จึงทำให้ยากที่จะเผาผลาญไขมัน แต่เมื่อเราขาดอาหาร หรือท้องว่าง ปริมาณอินซูลินจะต่ำลง ร่างกายหลั่ง Growth Hormones ออกมา จึงทำให้เราเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้นในช่วงเวลาที่อด ซึ่งกระบวนการนี้ก็เลยถูกนำมาใช้กับ IF โดยการให้ร่างกายขาดอาหารอย่างน้อย 12 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายนำเอาไขมันสะสมมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น

วิธีการกินแบบ ลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting (IF)
สำหรับมือใหม่ ควรเริ่มจากแบบ Lean gains คือการใช้สูตร 8/16 คือ สามารถทานอาหารได้ 8 ชั่วโมง และอดอาหาร 16 ชั่วโมง ซึ่งเราสามารถจัดเวลาช่วงเวลาการกินได้ตามสะดวก เช่น เริ่มทานอาหารเช้าตอน 08.00 น. และไปจบมื้ออาหารสุดท้ายตอน 16.00 น. หลังจาก 16.00 น. ต้องอดอาหาร สามารถทานได้แค่น้ำเปล่าเท่านั้น ช่วงแรกๆ อาจจะยังไม่ชิน มีหิวบ้าง โหยบ้าง แต่ถ้าทำไปเรื่อยๆ ร่างกายจะชินและไม่ค่อยหิวค่ะ
ข้อดีของการ ลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting (IF)
- สามารถควบคุมปริมาณอาหารในแต่ละวันทำให้ไม่ทานเยอะจนเกินไป
- ทำให้เราฝึกกินและงดอาหารอย่างเป็นเวลา
- ปริมาณไขมันลดลง
- มีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก เพราะช่วงเวลาที่อดอาหารอินซูลินจะหลั่งออกมาน้อย ส่งผลให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น
ข้อเสียของการ ลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting (IF)
- ช่วงแรกๆ ผลของการทำ IF มักจะทำให้เกิดความหิว และอยากอาหารมากขึ้น
- นอนหลับไม่สนิท โดยการทำ IF จะเป็นช่วงเวลากลางคืน ทำให้เกิดความหิวมากๆ เมื่อหิวจะส่งผลให้การนอนมีปัญหา นอนหลับไม่สนิท
- เสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร โดยเฉพาะ การนับปริมาณพลังงานเพียงอย่างเดียว หรือการลด ตัด ปริมาณ คาร์โบไฮเดรต และไขมันลงมากๆ อาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
- สูญเสียกล้ามเนื้อ เนื่องจากในการเผาผลาญของพลังงาน เมื่อปริมาณพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตลดต่ำลง กระบวนการเผาผลาญ โปรตีน และไขมัน มาเป็นพลังงานจะค่อยๆ สูงขึ้น หากร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ อาจทำให้เกิดการสูญเสียกล้ามเนื้อได้
อย่างไรก็ตามในการลดน้ำหนัก หรือ การควบคุมน้ำหนักก็ควรเลือกวิธีให้เหมาะสมกับตนเอง เพราะสภาพร่างกายของแต่ละคนมีการตอบสนองไม่เหมือนกัน

Benefit โปรตีนจากพืช ตัวช่วยที่จะทำให้การทำ IF ง่ายและได้ผลลัพธ์ เพราะสกัดจาก ถั่วเหลือง ถั่วลั่นเตา ข้าวไรซ์เบอร์รี่ และเมล็ดฟักทอง ดูดซึมไว ไร้ไขมันทรานส์ ไม่ผสมนม หรือโปรตีนจากสัตว์จึงทำให้ไม่มีน้ำตาลแลคโตส และคอเรสเตอรอล ได้ประโยชน์ไว ร่างกายนำไปใช้ได้เลย
สนใจสั่งซื้อ หรือสอบถามเพิ่มเติม
- Line: @benefitprotein (มี@)
- LineMyShop
- IG: Benefitprotein
- Facebook: Benefit Protein