พรรคก้าวไกล โพสต์ยืนเคียงข้าง รังสิมันต์ โรม กมธ.กฎหมาย รวมพลังหยุด ข่มขู่คุกคาม เสนอประธานสภาเร่งด่วน จี้รัฐบาลต้องคุ้มครอง หลังจาก นาย รังสิมันต์ โรม กล่าวขอบคุณเพื่อน ส.ส. หลัง คณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน มีมติเร่งด่วนทำเรื่องถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่เขา ซึ่งได้ทำหน้าที่กรรมาธิการในการตรวจสอบกรณีอุ้มหาย วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ และกรณี ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี ร้องเรียนการทุจริตในกองทัพ
พร้อมกล่าวว่า “ตั้งแต่ผมเป็น ส.ส. ไม่ค่อยมีตำรวจโทรหา แต่หลังจากกรณีนายวันเฉลิม มีการโทรติดต่อจากตำรวจสอบถามว่า ผมอยู่เบื้องหลังกิจกรรมใดๆ หรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น มีข้อความจากหลายคนที่ผมเคารพนับถือส่งมาเตือนให้ระมัดระวังคนมีสี ขับมอเตอร์ไซค์สร้างสถานการณ์ให้เหมือนอุบัติเหตุซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวล เพราะพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ยาก ผมจึงคิดว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าแม้แต่คนเป็น ส.ส. ประชาชนก็กังวลว่าจะได้รับผลกระทบอะไรหรือไม่”
“ขอขอบคุณทุกคนจากใจจริง ขอขอบคุณคณะกรรมาธิการฯ โดยส่วนตัวเชื่อว่าถ้าเรามีจุดยืนแบบนี้ จะสามารถช่วยเหลือคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้มากขึ้น”
“ตั้งแต่วันที่ตั้งกระทู้ถามสด กรณีนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ถูกอุ้มหายในประเทศกัมพูชา สังคมกังวลว่าผมจะพบกับแรงเสียดทานจนกระทั่งไม่สามารถทำงานได้ และเป็นเรื่องที่น่าแปลก แรกเริ่มเหมือนไม่มีอะไร แต่ก็กลายเป็นข้อฉันทามติของสังคมว่า ทุกคนกังวล ดังนั้น กรณีของนายวันเฉลิม จึงเป็นเรื่องที่กรรมาธิการต้องสร้างความกระจ่างไม่ให้สังคมเกิดความกลัว อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่ากรณีดังกล่าวกลับไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด”
ช่วงหนึ่งของการประชุม พรรณิการ์ วานิช ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการฯ ได้แสดงความเห็นต่อกรณีนี้ว่า ประเทศไทยอยู่ในระบอบที่พยายามจะเรียกว่าประชาธิปไตย แต่ถึงขนาดที่ผู้แทนราษฎรยังถูกข่มขู่ในการทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน จนกระทั่งที่ประชุมคณะกรรมาธิการต้องมีวาระการประชุมกันเพื่อมีมติคุ้มครอง แล้วประชาชนที่มาเรียกร้องความเป็นธรรมจนถูกตั้งข้อหาตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ บ้าง ตาม พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะฯ บ้าง หรือแม้กระทั่งตาม พ.ร.บ. รักษาความสะอาดฯ ทั้งๆ ที่การออกมาเรียกร้องเป็นไปด้วยความสันติและมีการรักษาระยะห่างทางสังคม ส่วมใส่หน้ากากอนามัย จึงจำเป็นต้องตั้งคำถามว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีจุดยืนในการปกป้องคุ้มครองประชาชนอย่างไร
การข่มขู่คุกคามเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความกลัวคือความไม่ปกติ สังคมไทยจึงไม่ควรยินยอมปล่อยให้กลายเป็นความปกติและวางเฉยในเรื่องนี้ ทั้งนี้ การเรียกร้องให้รัฐบาลทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัย คุ้มครองสิทธิมนุษยชน ย่อมไม่ใช่เรื่องของ รังสิมันต์ โรม เพียงคนเดียว หากแต่เป็นสิทธิพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนควรได้รับ ปัจจุบันมีนักกิจกรรมอีกจำนวนมากที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ทว่ารัฐและหน่วยงานต่างๆ กลับพากันนิ่งเฉย
ถึงเวลาแล้วที่ในวันนี้ พวกเราจะยืนเคียงข้างกันและกล้าทลายความเงียบ เพื่อร่วมสร้างสังคมใหม่ที่มีระบบกฎหมายอันเป็นหลักประกันว่า รัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะไม่ยอมนิ่งเฉยต่อความปลอดภัยและสิทธิเสรีภาพของประชาชน อีกทั้งจะต้องไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการละเมิดชีวิตและร่างกายของประชาชนได้โดยไม่ต้องรับผิดอีกต่อไป