วันที่ 12 พ.ย. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (สร. ขสมก. ) แถลงการณ์การณ์ไม่เห็นด้วย กรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาตินำรถเมล์ครีมแดงกีดขวางการชุมนุมคณะราษฎร ขสมก. กล่าวว่า รถเมล์ที่ถูกนำไปกันม็อบมีหน้าที่ขนส่งประชาชนเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่ได้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น
นายบุญมา ป๋งมา ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า หากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังยืนยันที่จะนำรถเมล์ครีมแดงไปกีดขวางเส้นทางของผู้ชุมนุม ทาง สร.ขสม. จะดำเนินการฟ้องร้องต่อผู้บริหาร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นลำดับต่อไป และเตรียมส่งหนังสือถึงบอร์ด ขสมก.ให้เรียกเก็บจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากไม่ดำเนินการจะเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
สหภาพแรงงาน ขสมก.ค้านบช.น นำรถเมล์ 55 คัน เตรียมใช้ขวางม็อบ 8 พ.ย.นี้
สหภาพแรงงานฯ ขสมก.ออกแถลงเรียกร้องอย่านำรถเมล์ไปปิดถนนขวางม็อบ
สหภาพแรงงานขสมก. ยืนยันว่าในการชุมนุมทุกครั้ง ทางสหภาพได้ทำหนังสือแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการนำรถไปใช้ในการชุมนุมส่งไปยัง นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
รถเมล์อีกแล้ว!! สหภาพฯ ขสมก. โวย รัฐบาลเอารถเมล์ไปปิดถนน ทำ ขสมก. เสียหาย
นายบุญมา เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทุกครั้งสภาพแรงงาน ขสมก.ไม่เห็นด้วย และมีการทำหนังสือถึง ผอ.ขสมก.และ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แล้วถึงเจตนาการไม่เห็นด้วย เนื่องจาก ขสมก.เป็นรัฐวิสาหกิจ มีวัตถุประสงค์ในการรับขนคนโดยสารในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายใต้กรอบวัตถุประสงค์ดังกล่าว และจะทำให้ประชาชนหลงเชื่อหรือเข้าใจผิดว่า ขสมก.เข้าร่วมกับฝ่ายการเมือง วางตัวไม่เป็นกลาง ทำให้เสียภาพลักษณ์ผิดวัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง เนื่องจากที่ผ่านมาตำรวจได้ขอการสนับสนุนการนำรถเมล์ไปสกัดผู้ชุมนุมทั้งหมด 3 ครั้ง จำนวน 121 คัน แบ่งเป็น วันที่ 14 ต.ค.63 จำนวน 22 คัน, วันที่ 25 ต.ค.63 จำนวน 44 คัน และ วันที่ 8 พ.ย.63 จำนวน 55 คัน
ทั้ง 3 ครั้ง ทำให้รถเมล์ได้รับความเสียหายทั้งหมด 6 คัน แบ่งเป็นวันที่ 14 ต.ค.จำนวน 1 คัน, วันที่ 25 ต.ค.จำนวน 2 คัน และ วันที่ 8 พ.ย.จำนวน 3 คัน โดยได้รับความเสียหาย ทั้งกระจกบังลมหน้าแตกเสียหาย สีถลอก และที่ปัดน้ำฝนชำรุด ส่งผลทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการซ่อมแซมรถที่ได้รับความเสียหายจำนวนมาก เพราะรถเมล์มีอายุใช้งานมากกว่า 30 ปี อะไหล่ เริ่มหายากและใช้เวลาในการนำเข้าจากต่างประเทศ
ขณะนี้อยู่ระหว่างประเมินความเสียหาย รวมทั้งยังทำให้เสียหายอื่น ๆ ตามมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นตามสัญญาปัจจุบัน ขสมก. ต้องจ่ายค่าเหมาซ่อมในราคา 1,401 บาทต่อคันต่อวัน ค่าจีพีเอส 30 บาทต่อคันต่อวัน ค่า PSO ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนในการเดินรถ กม.ละ 38 บาทต่อคัน ค่าจ้างพนักงาน 800 บาทต่อวัน รวมทั้งค่าเสียหายที่จะได้จากค่าโฆษณา
ขณะเดียวกันในช่วงที่นำรถเมล์มาสกัดผู้ชุมนุมยังพบว่า ขสมก. เสียโอกาสในการเดินรถ ทำให้สูญเสียรายได้ รวมทั้งหมด 363,000 บาท แบ่งเป็นวันที่ 14 ต.ค.63 จำนวน 22 คัน มีรายได้ 66,000 บาท หรือเฉลี่ยคันละ 3,000 บาท, วันที่ 25 ต.ค.63 จำนวน 44 คัน มีรายได้ 132,000 บาท และ วันที่ 8 พ.ย.63 จำนวน 55 คัน มีรายได้ 165,000 บาท
สำหรับกรณีที่รถเมล์ได้รับความเสียหายจากการนำไปสกัดผู้ชุมนุมนั้น ยืนยันว่า ตำรวจจะต้องเป็นผู้ที่จ้ายค่าซ่อมรถเมล์ที่ได้รับความเสียหาย ไม่ใช่ว่าถ้าต้องการให้ซ่อม ขสมก.ต้องไปฟ้องผู้ชุมนุมเรียกค่าเสียหายเอง โดยมองว่า ตำรวจเป็นผู้ขอความร่วมมือให้ สนับสนุนรถเมล์ทั้งหมด และหนังสือที่ขอความร่วมมือตำรวจจะต้องดูแลทรัพย์สินขององค์การ เพราะฉะนั้นตำรวจจะเป็นต้องเป็นผู้จ่ายค่าเสียหาย
ถ้าอนาคตตำรวจขอความร่วมมือจาก ขสมก. สนับสนุนรถเมล์เพื่อไปสกัดผู้ชุมนุมอีกจะเดินหน้าไปยื่นศาลปกครอง เพื่อขอให้คุ้มครองไม่ให้นำรถเมล์ไปใช้ในกรณีดังกล่าวอีก ขณะนี้กำลังพิจารณารวบรวมข้อมูลว่าสามารถกระทำได้ตามข้อกฎหมายหรือไม่