ประชุมสภา หวิดล่ม องค์ประชุมเกินฉิวเฉียดเพียง 1 เสียง จากส.ส.ที่มีอยู่ 498 คน ขณะที่ ชวน หลีกภัย กำชับ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อย่าอภิปรายนอกประเด็น
เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่รัฐสภา ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ตั้งแต่มาตรา 1 ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม
โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เลขานุการกมธ.วิสามัญฯ และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รองประธานกมธ.วิสามัญฯ พยายามเปิดประเด็นปัญหาเรื่องการพิจารณาเกิน 105 วัน ซึ่งเท่ากับว่าขัดกับรัฐธรรมนูญและกลายเป็นกระบวนการไม่ชอบ ทำให้ส.ส.ในซีกรัฐบาลยกมือประท้วงนายชวน ว่า ทั้งสองคนนี้อภิปรายนอกประเด็น อยากให้ช่วยควบคุมให้นายเรืองไกรและนายวรวัจน์พูดเฉพาะในเนื้อหาเท่านั้น
ด้าน นายชวน ขอให้นายเรืองไกร อภิปรายอยู่ในประเด็น เพราะออกไปไกลเกินไม่อยู่ในประเด็น ไม่เช่นนั้นประชาชนจะมองว่าเป็นการยื้อเวลาผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณ
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่อภิปรายมาตรา 1 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่ประชุมได้เช็กองค์ประชุมก่อนที่จะโหวตลงมติมาตราดังกล่าว ปรากฏว่า มีส.ส.ฝ่ายรัฐบาลแสดงตนเป็นองค์ประชุม 250 เสียง ถือว่าเกินองค์ประชุมมาอย่างฉิวเฉียดเพียง 1 เสียง จากจำนวนส.ส.ที่มีอยู่ในสภาขณะนี้ 498 คน ที่ต้องมีองค์ประชุมตั้งแต่ 249 เสียงขึ้นไป ก่อนที่ประชุมจะลงมติเห็นชอบมาตรา 1 ด้วยคะแนน 245 ต่อ 0 งดออกเสียง 6
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการพิจารณามาตรา 2 ไปจนถึงมาตรา 8 นายเรืองไกร ที่ขอสงวนความเห็นอภิปรายไว้เกือบทุกมาตรา ก็ยังคงอภิปรายตามที่ได้สงวนความเห็นไว้ โดยมีบางมาตราที่นายเรืองไกร แฉลบออกไปพูดนอกประเด็น ทำให้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลต้องคอยประท้วงอยู่เป็นระยะ ๆ แต่บรรยากาศการประชุมยังเดินไปได้ด้วยดี จนกระทั่งเข้าสู่มาตรา 9 นายเรืองไกรได้ขอถอนในสิ่งที่สงวนความเห็นขออภิปรายไว้ ทำให้การประชุมลงมติตั้งแต่มาตรา 9 เป็นต้นไป เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพราะไม่มีกรรมาธิการ และส.ส.คนใดติดใจขออภิปราย แต่ละมาตราใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถลงมติผ่านความเห็นชอบไปได้อย่างราบรื่น แต่ละมาตรา มีส.ส.รัฐบาลแสดงตนเป็นองค์ประชุมอยู่ระหว่าง 250-254 เสียง มีเสียงให้ความเห็นชอบอยู่ระหว่าง 244-245 เสียง และงดออกเสียงอยู่ระหว่าง 5-6 เสียง โดยไม่มีเสียงไม่เห็นชอบ