ณัฐวุฒิ โพสต์นศ.ขอบคุณพี่น้องเสื้อแดง ยืนหยัดต่อสู้เคียงข้างประชาธิปไตย

นาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นักการเมืองชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า “กระหึ่มเวที #มอชองัดข้อเผด็จการ มอบเข็มกลัดพร้อมเสียงปรบมือจากนักศึกษาให้ ‘พี่น้องเสื้อแดง’ อยากให้ใส่เสื้อสีแดงอยู่ด้วยกันตรงนี้ ‘ไม่ต้องถอด’ ขอบคุณที่ยังยืนหยัดต่อสู้เคียงข้างประชาธิปไตย – ‘เสียงจากดินถึงฟ้า’ เป็นส่วนหนึ่งของบทกวีที่นักศึกษาอ่านบนเวทีอีกครั้ง 24 ส.ค. 63 ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีเวทีปราศรัย #มอชองัดข้อเผด็จการ ที่ลานศาลาอ่างแก้ว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เริ่มเวลา 16.00 น. โดยมีการเผยแพร่ทาง facebook live แฟนแพจ ‘ประชาคมมอชอ – Community of MorChor’ ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดการทำกิจกรรมเวลา 19.45 น. นักศึกษาขึ้นเวทีพร้อมกัน 3 คน

ป.ป.ช. ฟัน ปารีณา 2 ข้อกล่าวหา แจ้งทรัพย์สินเป็นเท็จ-รุกที่ป่า

โดยคนแรกกล่าวถึงวีรชนคนเดือนตุลา จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เสียชีวิตเพราะต่อต้านเผด็จการเพื่อให้ได้ระบอบที่ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน นอกจากนั้นยังกล่าวถึงสหพันธ์ชาวไร่ชาวนาแห่งประเทศไทย ในฐานะองค์กรภาคประชาชนที่ใหญ่ที่สุดองค์กรหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย มีความสำคัญเพราะทุกครั้งที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่รัฐ พวกเขาจะเป็นโล่มนุษย์ที่ปกป้องนักศึกษา กระทั่งหลายคนถึงแก่ความตาย ไม่ว่าจะถูกอุ้มฆ่า ถูกอุ้มหาย ถูกลอบสังหาร ถูกลอบยิง แม้กระทั่งถูกปาระเบิดใส่จนถึงแก่ความตาย

ทั้งนี้ นักศึกษาได้อ่านรายชื่อวีรชนจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และรายชื่อจากองค์กรภาคประชาชน
พร้อมกับขอเสียงปรบมือให้วีรชนเหล่านี้และบอกว่า “เราต้องไม่ลืมว่ามีคนตายจริงๆ เพราะต่อต้านเผด็จการ ถ้าการเมืองดีจะไม่มีคนตายแบบนี้อีกต่อไป” (เสียงปรบมือ)

ต่อมานักศึกษาซึ่งสวมชุดสีแดง กล่าวว่า “นอกเหนือไปกว่านั้น ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย

เมื่อ 10 ปีก่อน ถ้าใครถูกนิยามตัวว่าเป็นคนกลุ่มนี้ มักจะถูกผลักออกจากพื้นที่สาธารณะ หลายคนไม่ได้รับการยอมรับ หลายคนถูกผลักออกจากโรงเรียน รวมถึงตัวเราที่ถูกผลักไปอยู่มุมห้องในวันที่เป็นเสื้อแดง

เราจำภาพในวันที่มีการสลายการชุมนุมเมื่อปี 53 ปี 52 ได้ดีที่สุด เราไม่เห็นสำนึกที่มองกันว่าเราก็เป็นคน
ในวันถัดมาหลังสลายการชุมนุมมีการบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ พวกเค้าได้กวาดเลือด กวาดเนื้อ กวาดเศษของความเสียชีวิต เศษของวิญญาณลงไปในท่อระบายน้ำ

กัดไม่ปล่อย! ยุทธพงศ์ โต้ทร. เจอกัน 9 ก.ย.นี้ พร้อมแฉหลักฐานเด็ด

เมื่อ 10 ปีก่อน ไม่มีใครยอมรับสถานะของการเป็นเสื้อแดง เสื้อแดงแทบไม่มีตัวตนที่จะพูดในที่สาธารณะได้อย่างได้รับการยอมรับ เราเชื่อว่าทุกวันนี้เมื่อมีการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยใดๆ ก็ตาม มวลชนที่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นมวลชนที่สำคัญ คือ พี่น้องเสื้อแดง

ณ โอกาสนี้นะครับ ขอให้พี่น้องเสื้อแดงทุกท่านลุกยืนขึ้นครับ ท่านใดเคยถูกอะไรมาก็ตาม แต่ได้ลุกขึ้นสู้เรียกร้องมาด้วยกัน พวกเรายืนยันว่าเราจะไม่ลืมแน่นอน

วันนี้เราไม่มีอะไรที่มากไปกว่าเข็มกลัดเล็กๆ ที่เขียนว่าวีรชนคนเสื้อแดง เราต้องขอบคุณพี่น้องเสื้อแดง ที่ยังยืนหยัดต่อสู้เคียงข้างประชาธิปไตย (เสียงปรบมือ)

ยืนหยัดต่อสู้ต่อต้านอำนาจไม่เป็นธรรม แน่นอนพี่น้องเสื้อแดงก็เป็นคนไทย พี่น้องเสื้อแดงก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่พร้อมออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมในสังคม

ทั้งนี้ การที่เราพูดถึงเสื้อแดงวันนี้ ไม่ได้ต้องการให้พี่น้องเสื้อแดงถอดเสื้อแดงแล้วมาสู้กับพวกเรา
เราอยากให้พี่น้องเสื้อแดงใส่เสื้อสีแดงอยู่ด้วยกันตรงนี้

เรืองไกร ร้อง ป.ป.ช. สอบ 113 ส.ส. แจ้งหนี้นกแอร์ หรือไม่

นอกเหนือไปกว่านั้น พวกเราต้องการให้พี่น้องเสื้อเหลือง รวมไปถึงคนที่เคยเป่านกหวีด ถ้าวันนี้ท่านสำนึกหรือคิดได้แล้วว่า ความต้องการของสังคมไทยตอนนี้ คือ ประชาธิปไตย

ท่านไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อท่านทิ้งครับ แต่ท่านมายืนเคียงข้างพวกเราได้ไหม วันนี้เราไม่ต้องการให้คนสละอุดมการณ์ สละจุดยืน สละสีเสื้อ เราต้องการให้ทุกคนยืนเคียงข้างกัน สู้ไปด้วยกันจนกว่าพวกเราจะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับมา (ปรบมือ)

เรามีเข็มกลัดฝากนักศึกษาด้วยกันไปให้พี่น้องเสื้อแดง ส่วนนักศึกษาเองเราก็มีเข็มกลัดให้เช่นกัน”
นักศึกษาที่อยู่บนเวทีอีกคนหนึ่ง กล่าวว่า “อยากให้พี่น้องเสื้อแดงแสดงตัว ลุกขึ้นและให้นักศึกษาทุกคน
ปรบมือให้อีกครั้งครับ (เสียงปรบมือ) ขอให้นักศึกษาร้องเพลงนี้ 1 รอบ ให้กับเขาเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ใครร้องได้ ร้องนะครับ”
(ทุกคนร้องเพลงเพื่อมวลชน)

เมื่อร้องเพลงจบนักศึกษาบนเวทีกล่าวต่อไปว่า “ไม่ว่าคุณจะใส่เสื้อสีอะไร ไม่ว่าคุณจะใส่ชุดสีอะไร ไม่ว่าคุณจะอยู่แนวความคิดไหน ก็ไม่ควรมีใครถูกฆ่าเพราะเห็นต่างครับ(เสียงปรบมือ)

พอได้หรือยังที่จะมีคนต้องตายเพราะเรียกร้องสิ่งที่เค้าควรจะมีตั้งแต่เกิด พอได้หรือยังที่จะใช้กลไกอำนาจรัฐปราบปรามประชาชน ผมอยากให้ทีมงานช่วยแจกเข็มเข็มนี้หน่อยครับ ผมอยากฝากไปถึงพี่ๆ ตำรวจ

ผมเชื่อว่าพี่ๆ ตำรวจอยู่ในนี้เยอะ แต่ไม่ได้ใส่เครื่องแบบมา

ผมอยากให้ทีมงานช่วยแจกหน่อยครับ เข็มนี้เขียนไว้ว่า ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แปลความหมายคือ ผู้ที่พิทักษ์ราษฎรครับ และผมขอให้กำลังใจพี่ๆ ที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ไม่ว่าจะอยู่ในระดับไหน ไม่ว่าจะเป็นขั้นปฏิบัติการหรือขั้นบังคับบัญชา จงมั่นใจว่าประชาชนอยู่เคียงข้างคุณเสมอและขอให้คุณหันหน้าสู่อำนาจที่ไม่เป็นธรรม ต่อสู้ไปกับประชาชนครับ (เสียงปรบมือ)

วันใดที่ท่านถูกอำนาจที่ไม่เป็นธรรมจัดการกับท่าน เราจะเอาเข็มนี้ไปติดไว้กับชุดสีกากีของท่านว่า ประชาชนอยู่ข้างท่านเสมอครับ พอเถอะครับอย่าเข่นฆ่าประชาชนอีกเลย พวกเราก็เป็นพี่น้องกันทั้งนั้น
สุดท้ายครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายภาคหน้า จงหันปืนขึ้นฟ้า อย่าหันใส่ประชาชนครับ” นักศึกษากล่าวทิ้งท้าย ขณะที่ผู้ฟังส่งเสียงปรบมือพร้อมเสียงเฮ

ต่อมาอีกช่วงหนึ่งของกิจกรรมบนเวที มีนักศึกษาสวมเสื้อขาวพร้อมตัวอักษรบนเสื้อว่า ‘ตากใบ 2547’ ขึ้นอ่านบทกวีเพื่อประชาธิปไตย โดยตอนหนึ่งมีเนื้อหา ‘เสียงจากดินถึงฟ้า’ คำปราศรัยของ ‘ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ เมื่อปี 2551 ประกอบอยู่ในบทกวีนี้ด้วย

“ท่านทั้งหลายโปรดฟังในสิ่งที่ข้าฯ ไม่ได้กล่าว
เราเกิดบนผืนแผ่นดิน เราโตบนผืนแผ่นดิน
เราก้าวเดินบนผืนแผ่นดิน และเมื่อเรายืนอยู่บนดิน
เราจึงห่างไกลเหลือเกินกับท้องฟ้า
เมื่อเรายืนอยู่บนดินต้องแหงนคอตั้งบ่า แล้วเราก็รู้ว่าฟ้าอยู่ไกล
เมื่อเรายืนอยู่บนดิน แล้วก้มหน้าลงมา
เราจึงรู้ว่า เรามีค่าเพียงดิน (เสียงปรบมือ)…
เราก็เหมือนก้อนดินแค่ก้อนหนึ่ง
เราก็ย่อมรู้ซึ้งถึงความหมาย
รู้ว่าฝนจากฟ้านั้นหนาวกาย
และสายฝนอันโปรยปรายย่อมชะล้างทำลายผืนแผ่นดิน ดินก็ย่อมเคียงข้างดินและไม่เคยได้ยินว่าฟ้าจะเกี่ยวอะไร เราก็คนและจะไม่ทนให้ใครกดขี่ใคร

แม้พายุ ฝนฟ้า นภาลัย ก็อย่าได้คิดทำลายคนเดินดิน
จะถามถึงฟ้า จะขอถามถึงฟ้าว่าเห็นประชาชนคืออะไร
ชาติจะเป็นชาติอยู่ได้อย่างไร
เมื่อไม่มีที่ยืนใดให้คนซึ่งเดินดิน…” ส่วนหนึ่งของบทกวีเพื่อประชาธิปไตยที่นักศึกษาคนดังกล่าวอ่านบนเวที