ปิยบุตร แสงกนกกุล อ้างกู้เงิน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เนื่องจากคสช.ล็อกทำกิจกรรมการเมือง ยันโปร่งใสและไม่ขัดกฎหมาย
เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณาเรื่องเงินกู้ของพรรคอนาคตใหม่ ว่า พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคการเมืองที่เพิ่งก่อตั้งมีกิจกรรมให้ทำเยอะ ทั้งการตั้งสาขาและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ซึ่งเมื่อเริ่มตั้งพรรคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังไม่อนุญาตให้ทำกิจกรรมทางการเมือง จึงทำให้พรรคการเมืองรับบริจาคเงินหรือลงทุนไม่ได้ แต่พรรคการเมืองจำเป็นต้องใช้เงิน จึงใช้ช่องทางกู้เงินเพราะกฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของพรรคการเมืองในฐานะนิติบุคคลเอกชน ประกอบกับไม่ต้องการให้พรรคอนาคตใหม่เป็นของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพียงคนเดียว จึงเห็นควรให้กู้เงินและใช้คืนในภายหลัง เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณาเรื่องเงินกู้ของพรรคอนาคตใหม่ ว่า พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคการเมืองที่เพิ่งก่อตั้งมีกิจกรรมให้ทำเยอะ ทั้งการตั้งสาขาและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ซึ่งเมื่อเริ่มตั้งพรรคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังไม่อนุญาตให้ทำกิจกรรมทางการเมือง จึงทำให้พรรคการเมืองรับบริจาคเงินหรือลงทุนไม่ได้ แต่พรรคการเมืองจำเป็นต้องใช้เงิน จึงใช้ช่องทางกู้เงินเพราะกฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของพรรคการเมืองในฐานะนิติบุคคลเอกชน ประกอบกับไม่ต้องการให้พรรคอนาคตใหม่เป็นของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพียงคนเดียว จึงเห็นควรให้กู้เงินและใช้คืนในภายหลัง
นายปิยบุตร กล่าวว่า การกู้เงินไม่ได้ถือเป็นรายได้ของพรรคการเมือง ตามมาตรา 62 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการบริจาค เนื่องจากมีหลักฐานการทยอยใช้เงินคืน หลังมีการตั้งข้อสังเกตเรื่องนิติกรรมอำพราง เพราะต้องการบริจาคเงินเกินกว่า 10 ล้าน ส่วนการอ้างถึงมาตรา 72 ก็มีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันการเอาเงินจากกระบวนการผิดกฎหมายดำเนินกิจกรรมทางการเมือง พร้อมย้ำถึงการตีความกฎหมาย ต้องตีความอย่างเคร่งครัด จะขยายความโดยอ้างเจตนารมณ์ไม่ได้ เพราะเป็นคดีกล่าวหาที่มีโทษทางอาญาให้จำคุก หากต้องการไม่ให้พรรคการเมืองกู้เงิน ก็ควรแก้กฎหมายพรรคการเมืองให้ชัดเจน
“ขอถามอย่างตรงไปตรงมาว่า ท้ายที่สุดประเทศไทยจะเอากันแบบนี้หรือ พรรคการเมืองที่จะพยายามทำให้โปร่งใสที่สุด พยายามแจกแจงที่มารายได้มากที่สุด พยายามไม่ต้องการให้นายทุนคนใดคนหนึ่งมาครอบงำพรรคมากที่สุด เราพยายามจะทำแบบนี้ แต่กลับกลายเป็นว่า เรากลับโดนคดีความ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปประเทศไทยก็คือ แต่ละพรรคการเมือง ถ้าต้องการหาเงินหาทองก็มุดลงดิน ไม่ต้องแจ้ง ใช้จ่ายอะไรไม่ต้องแจกแจงชัดเจน ประเทศไทยนี้สุดท้ายคือใครโปร่งใสโดนจับผิด หรือว่า ประเทศนี้ใครที่ไม่อยากโดนจับผิดหรือโดนคดีความก็ต้องซุกทรัพย์สิน ไม่ต้องโปร่งใสมากก็จะรอดตัว สุดท้ายเจตนารมณ์ของกฎหมายอยู่ตรงไหนกันแน่ ซึ่งคิดว่า กระบวนการที่ริเริ่มซ้ำไปมา 13 ปี ก็วนอยู่แบบนี้ ยุบพรรค ตัดสิทธิ์ ติดคุก ท้ายที่สุดก็ไม่ได้แก้ไขปัญหาของบ้านเมือง” นายปิยบุตร กล่าว