นาย พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยในการแถลงข่าวการระงับการแพร่หลายข้อมูลคอมพิวเตอร์ ว่ากระทรวงฯ จะมีหนังสือแจ้งเตือนการติดตามการปิดกั้นตามคำสั่งศาลอีก จำนวน 1,024 รายการ (ยูอาร์แอล) ไปยังสื่อสังคมออนไลน์/เว็บไซต์ต่าง ๆ
แบ่งเป็น เฟซบุ๊ก จำนวน 661 รายการ, ยูทูบ 289 รายการ, ทวิตเตอร์ 69 รายการ และเว็บอื่นๆ จำนวน 5 รายการ โดยให้ความมั่นใจว่า มีการติดตามให้ทุกแพลตฟอร์มต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล กระทรวงฯ ไม่ได้เลือกปฏิบัติแต่อย่างใด
ที่ผ่านมา กระทรวงฯ มีการดำเนินการในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและผู้ให้บริการบนแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ เป็นจำนวน 1,276 ยูอาร์แอล โดยจากการติดตามความคืบหน้าเมื่อครบกำหนด 15 วัน เมื่อวานนี้ (25 สิงหาคม 2563) พบว่าทุกรายรวมถึงเฟซบุ๊ก ยูทูบ และ TikTok ให้ความร่วมมือดำเนินการลบยูอาร์แอลผิดกฎหมายตามคำสั่งศาลครบทั้ง 100% โดยในจำนวนนี้เป็นรายการที่อยู่บนเฟซบุ๊ก จำนวน 1,129 ยูอาร์แอล
“ย้ำว่าการดำเนินการในครั้งนี้ เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมีคำสั่งศาลอย่างถูกต้อง มิได้เป็นการข่มขู่ใดหรือกลั่นแกล้งอย่างใด”
ทั้งนี้ เพจรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส ซึ่งเฟซบุ๊กสั่งปิดไปตามคำสั่งศาลตามกฎหมายประเทศไทย ก็เป็นหนึ่งในจำนวนดังกล่าว และยืนยันว่าการดำเนินการในเรื่องนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะประเด็นทางการเมือง แต่ในอีกหลายยูอาร์แอลที่มีคำสั่งศาลออกมา ยังครอบคลุมถึงด้านอื่น ๆ ที่เมื่อผ่านการตรวจสอบแล้วว่าเข้าข่ายการกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560
“กระทรวงฯ ไม่ได้คิดเอง หรือจะไปรังแกใคร เราทำตามกฎหมายประเทศไทย ทุกวันนี้โลกเปลี่ยนไป อธิปไตยของแต่ละประเทศไม่ได้จำกัดอยู่แค่พื้นที่เขตแดนอีกต่อไป เราต้องพูดถึงอธิปไตยไซเบอร์ เพราะไซเบอร์มาเร็ว ที่ผ่านมาเห็นได้ว่าสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่องให้กับประเทศไทย”
ส่วนกรณีที่มีข้อวิตกกังวลจากบางกลุ่มว่า เฟซบุ๊ก อาจมีการฟ้องร้องไทยสำหรับกรณีการสั่งปิดกั้นเนื้อหาหรือเพจผิดกฎหมาย รวมทั้งอาจทำให้เฟซบุ๊ก ตัดสินใจยกเลิกการลงทุนในประเทศไทยนั้น โดยส่วนตัวมองในทางกลับกัน เนื่องจากการดำเนินการในเรื่องนี้ของประเทศไทย เป็นไปตามขั้นตอนและกฎหมายของประเทศไทย จดหมายแจ้งเตือนและขอความร่วมมือทุกฉบับที่ส่งไปยังผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเพื่อลบหรือปิดกั้นยูอาร์แอลผิดกฎหมาย จะมีการแนบคำสั่งศาลไปด้วย
เพื่อเป็นข้อมูลและหลักฐานช่วยให้เจ้าของแพลตฟอร์มทำงานได้ง่ายขึ้น ไม่ถูกโจมตีว่าไปละเมิดสิทธิ์ผู้ใช้งาน อีกทั้งเป็นการตอกย้ำความศักดิ์ของกฎหมายประเทศไทย ที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการลงทุนของบริษัทต่าง ๆ ว่าจะได้รับการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน