นาย สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า
พรรคการเมืองกู้เงินไม่ได้จริงหรือ (ตอนที่ 3)
ต่อด้วยเรื่องเงินยืม
เงินยืม นั้น ก็เช่นเดียวกับเงินกู้ คือไม่ปรากฏเป็นรายการในมาตรา 62 หมวดรายได้ของพรรคการเมือง ซึ่งหากตามตรรกะของ กกต.ชุดปัจจุบัน หากไม่มีก็มีไม่ได้ ถือเป็นความผิดตามมาตรา 72 ถือเป็น “ประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย”
ย่อมสามารถนำไปสู่ การส่งศาลรัฐธรรมนูญขั้นยุบพรรค ตัดสิทธิการเมืองและดำเนินคดีอาญาต่อกรรมการบริหารพรรคได้เช่นเดียวกับ ตรรกะ “เงินกู้”
สำรวจงบการเงินปี 2561 ของบรรดาพรรคการเมืองต่างๆอีกรอบ ก็พบว่ามีถึง 16 พรรคที่ปรากฏรายการเงินยืม ดังนี้
- พรรคพลังไทยรักษาชาติ เงินยืมกรรมการ 5,765,869.33 บาท
- พรรคเพื่อชีวิตใหม่ เงินยืมทดรองจ่าย 115,076.15 บาท
- พรรคเพื่อสันติ เงินยืมทดรองจ่ายจากกรรมการพรรค 335,500 บาท
- พรรคพลังประชาธิปไตย เงินยืมจากหัวหน้าพรรค 5,584,290 บาท
- พรรคพลังชล เงินยืมทดลองจ่าย(สาขา) 2,816,000 บาท
- พรรพลังสหกรณ์ เงินยืมทดรองจ่าย 1,642,361 บาท
7.พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย เงินยืมทดรองจ่าย 43,740 บาท - พรรคพลังคนกีฬา เงินทดรองจ่าย-หัวหน้าพรรค 4,145,713.12 บาท
- พรรคเพื่อธรรม เงินยืมทดรองจ่าย 890,966.50 บาท
- พรรคเพื่อไทย เงินสำรองจ่ายจากกรรมการ 13,000,000 บาท
- พรรคชาติไทยพัฒนา เงินยืมทดรอง 5,050,457 บาท
- พรรคอนาคตไทย เงินยืมทดรองจ่าย 429,700 บาท
- พรรคภูมิใจไทย เงินทดรองจ่ายจากกรรมการ 30,164,287.17 บาท
- พรรคประชากรไทย เงินทดรองจ่าย 12,845,239.29 บาท
- พรรคมหาชน เงินทดรองจ่ายกรรมการบริหาร 4,428,739.38 บาท
- พรรคความหวังใหม่ เงินยืมทดรองจ่าย 2,039,399.32 บาท
ผมแสดงจุดยืนในเรื่องนี้มาตลอดว่า เงินกู้ เงินยืม ไม่ใช่เรื่องผิด และพรรคการเมืองต่างๆก็ทำมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายเก่าหรือกฎหมายใหม่ ซึ่งสามารถไปตรวจสอบในเอกสารงบการเงินของพรรคการเมืองในหลายๆปีที่ผ่านมา
เงินกู้ เงินยืม คือ หนี้สิน ไม่ใช่เงินบริจาค ไม่ใช่ประโยชน์อื่นใดที่ไม่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
แต่เมื่อ กกต.ดึงดัน จะบอกว่า เงินกู้ คือ ประโยชน์ที่ได้มาโดยมิชอบ พรรคการเมืองไม่สามารถทำได้ เนื่องจากไม่มีคำว่า “รายได้อื่น” ในหมวดรายได้ของ พรป.พรรค ฉบับปัจจุบัน
หากเดินหน้าตามแนวนี้ ก็ต้องส่งเสริมให้ไปให้สุดครับ
อย่าลืมจัดการเงินยืม 16 พรรคด้วย ความปรากฏตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 แล้ว
อย่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่