“ศาลฎีกา” แก้คำพิพากษาสั่ง “จตุพร-ณัฐวุฒิ-หมอเหวง” 3 แกนนำนปช. ร่วมชดใช้ 21 ล้านบาท คดีเผาตึกย่านอนุสาวรีย์ เมื่อปี 53
เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ 1762/2554 ที่นายประสงค์ กังวาฬวัฒนา เป็นโจทก์ฟ้องบริษัท บางกอกสหประกันภัย จำกัด (มหาชน), นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรมว.มหาดไทย, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรมว.กลาโหม ยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. และนพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. เป็นจำเลยที่ 1-10 แต่วันนี้มีเพียงผู้รับมอบฉันทะจากโจทก์ และทนายความจำเลยที่ 8-10 เดินทางมาฟังคำพิพากษาเท่านั้น
สืบเนื่องจากการที่เจ้าหน้าที่รัฐทำการสลายการชุมนุมนปช. ที่ชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 ซึ่งต่อมาเกิดเหตุการณ์เผาอาคารในหลายจุดทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยสำนวนนี้เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายกรณีเผาอาคารพาณิชย์ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ใกล้อาคารห้างสรรพสินค้าเซ็นเตอร์วัน และอาคารดอกหญ้า
ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมด ส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 8-10 (แกนนำ นปช.) ร่วมกันชำระเงินจำนวน 30,509,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 20 พ.ค. 2553 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
และให้จำเลยที่ 8-10 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 638,710 บาท ให้แก่โจทก์ กับให้จำเลยที่ 8-10 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 50,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ ศาลฎีกาได้พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 8-10 ร่วมกันชำระค่าอาคารพาณิชย์ที่พิพากษาพร้อมทรัพย์สินที่โจทก์เสียหาย จำนวน 21,356,650 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 20 พ.ค. 2553
จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับค่าขาดผลประโยชน์ 1,200,000 บาท เดือนละ 100,000 บาท นับแต่วันฟ้องในวันที่ 18 พ.ค. 2554 จนกว่าจะชำระค่าอาคารพาณิชย์ที่พิพากษาพร้อมทรัพย์สินที่โจทก์เสียหายเสร็จแก่โจทก์ แต่ให้เสียค่าเสียหายได้ไม่เกิน 24 เดือน ให้จำเลยที่ 8-10 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้ง 3 ศาลแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนทรัพย์สินโจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความรวม 100,000 บาท