เท่าพิภพ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ประกาศทลายทุนผูกขาด เพื่อให้มีโอกาสทางเศรษฐกิจเป็นของตัวเอง ลั่นประชาชนต้องมีงานทำ
29 มิ.ย. 63 เพจเฟซบุ๊ก พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความระบุว่า นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ที่เคยประกาศว่า เราจะทลายทุนผูกขาด เพื่อไม่ใช่เพียงให้ทุกคนมีงานทำ เเต่เพื่อให้มีโอกาสทางเศรษฐกิจเป็นของตัวเองด้วย” เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร กล่าวว่า นิยามของคำว่า เศรษฐกิจในตอนนั้น คือ ราษฎรทุกคนควรมีงานทำ สามารถมีชีวิต มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ด้วยตัวเอง เมื่อปัจจุบันนี้ ถามว่า ทุกคนมีงานทำหมดเเล้วหรือไม่ ตอบว่าไม่ หรือเเม้ว่าในทุกวันนี้ทุกคนมีงาน แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ตรงกับความสามารถหรือความต้องการของเขาเสียทีเดียว เงินเดือนก็อาจไม่ได้มาก เมื่อเปรียบเทียบกับอาณาอารยประเทศอื่นๆ
“เจตนารมณ์คณะราษฎรที่ระบุไว้เกี่ยวกับหลักเศรษฐกิจ คือ ประชาชนต้องมีงานทำ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพรรคก้าวไกล หรือแม้เเต่อดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่เคยได้ประกาศว่า เราจะทลายทุนผูกขาด แต่ไม่ใช่เพียงเพื่อให้ทุกคนมีงานทำเท่านั้น เเต่ต้องเพื่อให้มีโอกาสทางเศรษฐกิจเป็นของตัวเองด้วย กฎระเบียบต่างๆที่ราษฎรทุกคนสละอำนาจมาให้สมาชิกสภาผู้เเทนราษฎรก็เพื่อให้พวกเราได้มาออกกฎหมาย ซึ่งกฎหมายก็คือการควบคุมประชาชนทุกคน ดังนั้น เราก็ควรจะทำเพื่อประโยชน์ของราษฎรเหมือนกัน หากมีกฎระเบียบในทางธุรกิจที่ขัดขวางความเจริญของประเทศ ขัดขวางความสามารถในการประกอบธุรกิจต่างๆของประชาชน เราควรจะปลดล็อกมันเสีย“ประเทศนี้ ระบบเศรษฐกิจเป็นของประชาชนหมู่มาก ไม่ใช่ของนายทุน หรือบุคคลบางกลุ่มเท่านั้น 88 ปี ผ่านมา ในเรื่องเศรษฐกิจกับประชาธิปไตย ส่วนตัวผมมองว่าก็ไม่ใช่ศูนย์เเละไม่ใช่ไม่มีความหมาย เเต่ความเจริญทางเศรษฐกิจมันมาได้เเค่ครึ่งทาง มันเหมือนกับว่าเราเลี้ยวผิดทางไปเลย ตอนเเรกมีประชาชนรายย่อยออกมาเป็นเจ้าสัว ออกมาเป็นพ่อค้าวาณิชทั่วไป เเต่หลังจากนั้น พออำนาจมันเริ่มไม่เป็นประชาธิปไตย ก็มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่เริ่มเข้ามา เพื่อรวบรวมความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจไว้กับกลุ่มคนกลุ่มเดียว เเละใช้ความมั่งคั่งในทางเศรษฐกิจนั้นสืบทอด สืบต่อรักษาอำนาจทางการเมือง เพื่อให้บุคคลของอำนาจทางการเมืองนั้นย้อนกลับมาคุมอำนาจทางเศรษฐกิจ เป็นวัฎจักรที่เราติดอยู่มานาน ซึ่งมันขัดกับหลัก 6 ประการของคณะราษฎร ที่ได้ประกาศไว้เมื่อ 88 ปีก่อน”
เท่าพิภพ กล่าวว่า ในฐานะที่ผู้เเทนราษฎรในกรุงเทพมหานคร ฝั่งธนบุรี ทราบดีว่าความมั่นคงทางเศรษฐกิจของตรงนั้นน้อยกว่าฝั่งพระนคร บุคคลที่อาศัยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ใช้เเรงงาน บางกลุ่มเป็นกลุ่มนอกระบบประกันสังคม ไม่มีความมั่นคงในชีวิต มีชีวิตทางเศรษฐกิจแบบวันต่อวัน สัปดาห์ต่อสัปดาห์ ไม่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจตามที่คณะราษฎรได้กล่าวเอาไว้
“เราเชื่อว่าประชาชนมีความสามารถ ถ้ารัฐปลดล็อกให้ประชาชนสามารถมีอิสระทางธุรกรรม ทำธุรกิจต่างๆได้ตามที่เขามีความชำนาญ ประชาชนเหล่านั้นจะทำหน้าที่ ทำงาน ทำรายได้ให้กับตัวเอง สร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง เเละสร้างความมั่นคงทางภาษีหรือสร้างรายรับกลับมาให้กับรัฐบาลเช่นกัน