หลังจากที่เกิดสถานการณ์ โควิด19 ผ่านมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ทำให้เกิดความสูญเสีย และเกิดการเสียหายจากในหลากหลายด้าน เหตุการณ์นี้ดูเหมือนกับว่าเป็นอุโมงค์อันมืดมิดที่ยังไม่มีทางออก ไม่ใช่เพียงแค่ในประเทศไทย แต่เป็นวิกฤตหนึ่งที่ทั่วโลกต้องเผชิญ ละแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งในวันนี้เรามีอีก 1 บุคคล ที่มีความคิดเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับวิกฤตในครั้งนี้นั่นคือคุณ ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะมาเปิดใจถึงประเด็นปัญหา โควิด19 และ ปัญหาเศรษฐกิจ ที่ไทยกำลังเผชิญอยู่ รวมถึงข้อเสนอแนะต่างๆ พร้อมกับสว่างที่ปลายอุโมงค์ของคนไทย
หากพูดถึงสถานการณ์ โควิด19 ภาวะวิกฤตครั้งใหญ่ของประเทศนะครับ ก็คงเต็มไปด้วยความโกลาหล ความสับสน แล้วก็ความเครียด พี่น้องหลายๆคนก็คงเหมือนผมว่าเมื่อไหร่มันจะเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สักทีหนึ่ง เราจะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เมื่อไหร่ แล้วภาวะแบบนี้มันจะคลี่คลายยังไง ทางพรรคก้าวไกลเนี่ยก็คิดว่าทางออกของปัญหานี้หรือแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อันนี้เนี่ยมันอยู่ที่ “การผลิตวัคซีน” ซึ่งตอนนี้ทั่วโลกก็มีการเร่งรีบในการผลิตวัคซีนเผื่อที่จะมาหยุดปัญหาโควิดนี้ให้ได้ ก็เรียนพี่น้องประชาชนว่ามันยังมีโอกาสที่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ มันคงไม่มีอุโมงค์อันไหนที่มันไม่มีทางออกเลย คราวนี้ในระดับปัญหาขนาดนี้มันเป็นปัญหาระดับชาติกันไปแล้ว ระดับนานาชาติไปแล้วไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว ซึ่งนานาชาติก็กำลังเตรียมอยู่เร็วที่สุดคือ กันยายน ปีนี้ ช้าที่สุดคือในอีก 18 เดือนต่อจากนี้ เขาพักหนี้ให้แต่ไม่ได้หยุดดอกเบี้ย 18% แต่ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อหมดสภาวะวิกฤตคุณต้องจ่ายทั้งเงินต้น + ดอกเบี้ยถึง 18% มันก็เป็นการช่วยที่เหมือนไม่ได้ช่วยเท่าไหร่ ซึ่งอันนี้ผมคิดว่ามันเป็นภาวะฉุกเฉินของประเทศ และเครดิตบูโรก็ควรยกเว้นในช่วงนี้ไปอยู่แล้ว แต่คราวนี้คำว่าพักหนี้หรือว่าเดดฮอลิเดย์ มันควรที่จะพักต้นแล้วก็พักดอกแล้วก็พักค่าปรับด้วย มันจะไม่มีประโยชน์อะไรถ้าเงินต้นไม่ต้องจ่ายแต่ดอกเบี้ยวิ่งแล้วค่าปรับของธนาคารยังวิ่ง ซึ่งอันนี้ก็เป็นข้อเสนอที่อยากจะเสนอไปต่อกับทางรัฐบาล เรื่องหนี้ของ ธกส. ก็น่าจะควรที่พักหนี้จริงๆ
ซึ่งวิธีที่จะล็อคดาวน์หนี้ มันก็มีที่พูดไปแล้วก็คือ “พักหนี้ เลื่อนหนี้ ตัดหนี้ หรือว่าเฉลี่ยหนี้” ยกตัวอย่างเฉลี่ยคำว่าเฉลี่ยนี่ก็คือในสามเดือนหนี้มันก็เท่านี้ใช่ไหมครับมันยังไม่สามารถจะจ่ายได้ขนาดนี้สามารถทำเป็น 0% 10 เดือนได้ไหมเพราะฉะนั้นจาก 25,000 บาทจะเหลืออยู่ 2500 บาทแล้วไม่คิดดอกเบี้ย ถ้าเป็นอย่างนี้ผมก็คิดว่าลูกหนี้ก็สามารถที่จะหาวิธีที่ทำให้ชีวิตเขาไม่โดนผลกระทบจากเศรษฐกิจมากขนาดนี้ ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจปีนี้คาดว่าน่าจะแย่จริงๆ อันนี้ก็คือ “อยากจะให้ตระหนักแต่ว่าไม่ตระหนก” ถ้าวัคซีน มันมาเมื่อไหร่ปุ๊บทุกอย่างก็จะเข้าที่เข้าทาง ตอนนี้มันเป็นเรื่องของการเตรียมพร้อมเพราะว่าปัญหาต้องยอมรับความจริงก่อนว่าปัญหามันใหญ่มาก ปัญหามันใหญ่มากถ้าเกิดการเตรียมการเราใหญ่พอมันก็จะพอที่ทำให้เราสามารถผ่านพ้นไปได้ ล็อคดาวน์หนี้ไม่พอ อาจจะต้องล็อกดาวน์เรื่องของค่าใช้จ่าย ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่บ้าน เรื่องของค่าไฟคงขึ้นกันเยอะ ค่าน้ำก็คงขึ้นกันเยอะ มาตรการรัฐบาลคือลดให้ 3% ซึ่ง 3% ผมคิดว่าอาจจะน้อยไป สำหรับคนจะต้องอยู่ที่บ้านแล้วก็ทำงานที่บ้าน สุดท้ายคือเรื่องของการล็อกดาวน์ภาษีซึ่งก็มีหลายมาตรการแต่อีกมาตรการหนึ่งที่รัฐบาลยังไม่ได้พูดแล้วผมก็อยากจะนำเสนอก็คือการล็อกดาวน์ vat คือการที่ล็อคดาวน์ exside-tax พวกภาษีหัก ณ ที่จ่าย เนื่องจากสภาวะวิกฤตมากแล้วมันเร่งด่วนต้องหาอะไรที่ มันเป็นการตรวจสอบที่จะต้องน้อยหน่อยเพราะว่าช่วงนี้ถ้าจะรอเวลาการตรวจสอบจากมิเตอร์ไฟฟ้าจะตรวจสอบว่าเป็นอยู่ในมาตรา 39 หรือ 40 มันคงใช้เวลากินเวลาสามถึงสี่เดือน การแก้ปัญหาครั้งนี้ถ้าเรารอเวลากว่าที่ความช่วยเหลือจะไปถึงพี่น้องที่เขามีปัญหาสภาพคลองจริงๆ กลัวว่ามันจะไม่ทัน
ซึ่งในส่วนตัวคิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อ แพทย์พยาบาลที่ ป่วยไม่ได้ เหนื่อยไม่ได้ ท้อไม่ได้ เพราะฉะนั้นผมถึงได้เน้นย้ำไปกับคณะทำงานของเราและรัฐบาลเพื่อที่จะได้ดูแลศักยภาพของสาธารณสุขไทย แต่ว่าตอนนี้ก็ต้องยอมรับนะครับว่าทุกคนก็ต้องลำบากกันหมดทั้งพ่อค้าแม่ขายหรือว่าใครก็ต้องลำบาก อย่างพนักงานออฟฟิศก็ต้องได้รับความยากลำบากในช่วงนี้ แต่เมื่อเริ่มเข้าสู่ที่ทางเดิมเมื่อไหร่ทุกอย่างจะกลับมาดีเหมือนเดิม เหมือนกันตอนนี้มันก็เรื่องของการซื้อเวลาแล้วก็ชะลอการสูญเสียให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นเรื่องของการสูญเสียที่น้อยที่สุดก็คือการ สูญเสียทางเศรษฐกิจที่น้อยที่สุดเช่นเดียวกันเพราะฉะนั้นจะต้องวางแผนอย่างรอบคอบรวดเร็วแล้วก็ทุกคนจะต้องช่วยกันในการแก้ปัญหาครั้งนี้
สุดท้ายสิ่งที่อยากจะฝากถึงประชาชนทุกคนและรัฐบาลก็คือ “อยากจะให้รัฐบาลสามารถที่จะวางแผนได้อย่างรอบคอบแล้วก็รวดเร็วเพื่อที่จะรัฐบาลประสบความสำเร็จเมื่อรัฐบาลนี้ประสบความสำเร็จเมื่อไหร่ก็จะเป็นความสำเร็จของประชาชนและประเทศชาติด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับพี่น้องประชาชนที่ฟังอยู่ไม่ว่าจะเป็นท่านหรือว่าจะเป็นผมทุกคนก็มีคำถามเดียวกันว่าเมื่อไหร่เราจะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้สักทีนึง เมื่อไหร่เราจะมาถึงปลายอุโมงค์แล้วก็เห็นแสงสว่างสักทีหนึ่ง ผมอยากจะพูดกับทุกท่านว่าไม่ว่าใครที่ไหนในโลกจะเป็นชนชาติใด ก็ต้องเคยผ่านอุโมงค์ที่มืดมนมาทุกคน ไม่มีใครที่ไม่เคยเจอไม่ว่าจะร่ำรวยมากน้อยแค่ไหนก็ต้องเคยผ่านอุโมงค์ที่ยากลำบาก แต่ว่าในที่สุดแล้วประวัติศาสตร์ได้บอกมาได้สอนเรามาว่า ไม่มีสงครามไหนเกิดแล้วไม่มีที่สิ้นสุด สักวันก็ต้องจบซักวันเราก็จะต้องไปถึงปลายอุโมงค์ เมื่อถึงวันนั้นอุโมงค์ที่มืดมิดนี้ก็จะจบลงสักที แล้วแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ก็จะมา แล้วเราก็จะสามารถที่จะกลับไปใช้ชีวิตโดยปกติได้ทั้งหมดนี้จะสั้นหรือจะช้า ขึ้นอยู่กับรัฐบาล และก็ขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะต้องทำงานร่วมมือกัน ถ้าเราพยายามที่จะทำเท่าที่เราทำได้อยู่บ้าน เท่าที่เราทำได้ เข้าใจว่าบางคนต้องออกเพราะว่ามันต้องหาเช้ากินค่ำ แต่สำหรับคนที่ทำได้ และสามารถเสียสละได้ ก็จะทำให้เราสามารถชะลอโรคนี้ไปได้ ถ้าเราชะลอโรคนี้ไปได้ความสูญเสียทางเศรษฐกิจก็จะไม่มาซักเท่าไหร่แล้วเราก็จะสามารถที่จะแก้ปัญหาได้แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อ่ะก็จะมาถึงแล้วเมื่อถึงเวลานั้นเราก็จะสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติกับคนที่เรารักได้เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นตอนนี้โฟกัสที่การดูแลสุขภาพตัวเองโฟกัสที่การดูแลสุขภาพของคนที่เรารัก ซึ่งถ้าตรงนี้เราโฟกัสที่การดูแลสุขภาพตัวเอง ดูแลสุขภาพของคนที่เรารัก ผมคิดว่ามันน่าจะผ่านไปได้ด้วยดีแล้วก็จบอย่างบาดเจ็บน้อยที่สุด ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนทุกท่านครับขอให้มันผ่านไปได้ เพราะฉะนั้นช่วงนี้เราก็จะผ่านกันไปได้ถ้าเราเชื่อมั่นว่าเราจะผ่านกันไปได้มันก็จะผ่านไปได้ แต่ถ้าเราเชื่อว่ามันผ่านไปไม่ได้เราก็จะผ่านไปไม่ได้ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งที่อยู่ข้างในหัวเราเป็นยังไง แต่ว่ากว่ารัฐบาลก็จะต้องทำงานอย่างเต็มที่และทางฝ่ายค้านก็ต้องทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งพอเราทำงานด้วยกันอย่างเต็มที่เราก็จะผ่านไปได้ด้วยดี ผมยังมั่นใจอยู่ว่าเราจะสามารถผ่านมันไปได้”