ฉีดวัคซีนโควิด นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ แถลงกรณีที่คณะอนุกรรมการอำนวยการใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 มีมติจัดลำดับกลุ่มประชาชนที่จะฉีดวัคซีน 19 ล้านคนแรก โดยจะฉีดให้ 1.บุคคลากรสาธารณสุข ทั้งภาครัฐและ เอกชน 1.7 ล้านคน 2.บุคคลที่มีโรคประจำตัวที่เสี่ยง 6 ล้านเศษ เช่น โรคทางเดินหายใจ หัวใจ-หลอดเลือด มะเร็ง เบาหวาน ฯลฯ 3.ผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี 11 ล้านคนเศษ และ 4.เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโควิด 15,000 คน ซึ่งการจัดลำดับแบบนี้ เป็นการพิจารณาจากมุมมองทางการแพทย์เป็นหลัก
โดยถ้าพิจารณาทั้งจากมุมมองทางการแพทย์บวกกับมุมมองในการฟื้นเศรษฐกิจประเทศด้วย ขอเสนอว่า ลำดับที่ 1 และ 2 เดิมที่กำหนดไว้เหมาะสมแล้ว แต่ลำดับที่ 3 ควรจะเป็นการฉัดวัคซีนให้คนไทยที่มีอาชีพเกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั้งระบบ เช่น เจ้าหน้าที่ สายการบิน สนามบิน ท่าเรือ คนขับรถแท๊กซี่ รถสามล้อ โรงแรม รีสอร์ท ฯลฯ จากนั้นค่อยฉีดผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่ 4
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า ที่เสนอเช่นนี้ เพราะทุกวันนี้ทั่วโลกฝากความหวังอยู่ที่การฉีดวัคซีนเพื่อยับยั้งการระบาด และฟื้นเศรษฐกิจโลก ซึ่งประเทศไทยมีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว จึงควรเร่งฉีดวัคซีนในคนไทยในระบบการท่องเที่ยวเป็นลำดับที่ 3 ซึ่งคาดว่าอาจจะได้ฉีดในปลายไตรมาสที่ 2-3 ปี 2564 หลังฉีดวัคซีนคนไทยกลุ่มนี้เสร็จ รัฐบาลสามารถเปิดประเทศได้อย่างเต็มที่ การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยก็จะเริ่มฟื้นได้ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยนให้คนไทยกลุ่มนี้ได้ฉีดวัคซีนเป็นกลุ่มที่ 3 ก่อน จะทำให้คนไทยกลุ่มนี้จะได้รับการฉีดวัคซีนในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ซึ่งจะส่งผลให้กว่าเราจะเปิดประเทศได้เต็มที่คือ ต้นปี 65 ถึงตอนนั้นการท่องเที่ยวไทยก็จะน่าจอดสนิทซะก่อน
เปิดเกณฑ์ เงินเยียวยาโควิด มนุษย์เงินเดือน ตามมาตรา 33 คนละ 5 พันบาท
บิ๊กตู่ ลั่น ผมไม่ใช่คนตกใจง่าย! เกิดเป็นชายชาติทหาร ไม่หวั่นศึกซักฟอก!
อนุชา ยันรัฐบาลไม่ได้แทรกแซง สนธิญาณ เจรจาอสมท. ชี้เป็นเรื่องของธุรกิจ
“อิสระ” จี้ ศธ. คืนเงินค่าเทอมช่วงโควิด ทำผู้ปกครองจ่ายซ้ำซ้อน พิมพ์แบงค์เองได้ยังไม่ไหว