“โฆษกพรรคเพื่อชาติ” จวก ”รัฐบาลบิ๊กตู่” เอาแต่ใช้งบประมาณ ไม่เร่งแก้ระบบการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ แซะแทบไม่มีกินดันซื้อรถเกราะ
เมื่อวันที่ 1 ก.ย. นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ เปิดเผยว่า การอาสาเป็นผู้บริหารประเทศต้องมีวิสัยทัศน์ ความรับผิดชอบ และทักษะในการบริหารจัดการงบประมาณ ไม่ใช่ทำงานตามหน้าที่โดยพึ่งสิ่งเหนือธรรมชาติไปวันๆ อย่างกรณีการแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม แต่ควรจะมีระบบบริหารจัดการน้ำ และไม่ต้องมาใช้งบประมาณชดเชยภัยแล้งให้เกษตรกรกว่าแสนล้านบาท ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีที่รัฐบาล คสช.มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ควรจะแก้ปัญหาแบบองค์รวมอย่างมีระบบไปแล้ว และไม่ต้องเสียงบประมาณในมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งหรือฝนทิ้งช่วง
นางสาวเกศปรียา กล่าวว่า ผู้บริหารองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ ควรมีความสามารถในการบริหารจัดการการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเห็นตัวเลขงบประมาณที่ใช้เพื่อชดเชยภัยแล้งปีละประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาระยะยาว และไม่ใช่ขอให้ประชาชนฝ่าภัยแล้งด้วยการขุดบ่อเก็บน้ำ หรือสวดมนต์ขอให้ฝนตก อย่างที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม บอก รวมทั้งข้าวเหนียวราคาสูง เพราะผลผลิตน้อยเกิดความเสียหายจากภัยแล้งก็จะแก้ไขปัญหาด้วยการบอกให้ไปกินข้าวเจ้าแทน อย่างที่อธิบดีกรมการค้าภายในบอก
นางสาวเกศปรียา กล่าวว่า หากมีวิสัยทัศน์และนำตัวเลขต่างๆมาศึกษาจะมองเห็นปัญหาว่า ต้องแก้ระบบการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานรากโดยเฉพาะภาคการเกษตร มากกว่าเงินชดเชยที่รัฐบาลช่วยเหลือ แต่เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจมากทำไมรัฐบาลคสช. ที่บอกจะเข้ามาปฏิรูปประเทศ 5 ปีที่ผ่านมา ทำไมถึงแก้ปัญหาของประเทศไม่ประสบความสำเร็จ อีกทั้งก่อให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น นอกจากนี้ การบริหารงบประมาณยังแยกลำดับความสำคัญก่อนหลังไม่ได้ โดยเฉพาะงบประมาณในการซื้ออาวุธ ซึ่งถือว่าเป็นความสำคัญลำดับสุดท้ายในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ แต่รัฐบาลก็ยังอนุมัติงบประมาณในการจัดซื้ออาวุธทุกปี เปรียบได้กับในครอบครัวที่แทบจะไม่มีจะกิน แต่กลับนำเงินที่มีเพียงน้อยนิดไปซื้อรถเกราะของเล่น เพื่อสนองความพึงพอใจของหัวหน้าครอบครัว
อ่านข่าว Bright Today