ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตฯ สั่งจำคุก 2 ปี นาย“ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งยกเลิกคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินธรณีสงฆ์ให้กับบริษัทอัลไพล์น ซึ่งศาลพิเคราะห์ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทและ ขัดเจตนารมณ์ ผู้บริจาคที่ดินให้วัดแต่กลับมาการไปหาผลประโยชน์
ทันทีที่ศาลมีคำสั่งให้ จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา นายยงยุทธ มีดวงตาที่แดงก่ำ และเมื่อสอบถามเรื่องเงินหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ แต่นายยงยุทธปฏิเสธการตอบคำถาม
โดยได้ขอประกันตัวในหลักทรัพย์ 5 แสนบาทในชั้นศาลทันที และศาลอนุญาติให้ประกันตัวโดยมีเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ยกเว้นศาลอนุญาติ และต้องรายงานตัวต่อศาลทุกๆๆ 30 วัน ซึ่งนายยงยุทธ ซึ่งวันนี้มีสีหน้าเรียบเฉย และไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนทั้งตอนเดินทางเข้ามาศาลด้านหน้า แลขากลับได้ใช้เส้นทางออกด้านหลังศาล โดยเลี่ยงไม่ให้สื่อมวลชนได้พบหน้า
การพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เนื่องจากศาลพิเคราะห์ข้อเท็จจริงว่าที่ดินของสนามกลอฟ์อัลไพล์น ก่อนหน้านี้ เป็นของ นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา เมื่อเสียชีวิตลง ได้ทำพินัยกรรมยกที่ดิน 2 แปลง ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร ต่อมานางเนื่ิอมถึงแก่ความตาย มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในฐานะผู้จัดการมรดกของนามเนื่อม ได้โอนที่ดินดังกล่าวให้แก่มูลนิธิฯ และมูลนิธิฯ ได้ขายที่ดินให้กับบริษัท อัลไพน์เรียลเอสเตท จำกัด กับบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์สปอร์ตคลับ จำกัด ในราคา 142 ล้านบาท และในวันเดียวกัน บริษัททั้งสองได้นำที่ดิน ไปจดทะเบียนจำนองกับธนาคารจำนวน 220 ล้านบาท ต่อมากรมที่ดินก็มีคำสั่งให้อธิบดีกรมที่ดินเพิกถอนรายการจดทะเบียนโอนที่ดิน เนื่องจากเห็นว่าเป็นการโอนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรวม 290 ราย ยื่นอุทธรณ์คำสั่ง แต่กรมที่ดิน ยืนยันตามคำสั่งเดิม และเสนอเรื่องกระทรวงมหาดไทย ซึ่งสมัยนั่นนายยงยุทธ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ ดั งกล่าวต่อ พิจารณาแล้วเห็นควรให้เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า พินัยกรรมของนางเนื่อมระบุว่า ยกกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้ง 2 แปลง ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหารเท่านั้น มิได้ยกกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้แก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย แต่ภายหลังจากนางเนื่อมถึงแก่ความตาย วัดธรรมิการามวรวิหารได้นำที่ดินทั้ง 2 แปลงไปขึ้นทะเบียนที่ดินศาสนสมบัติวัดร้างจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นที่ธรณีสงฆ์ และนำที่ดินทั้ง 2 แปลงให้เช่าทำนา แสดงให้เห็นว่าวัดธรรมิการามวรวิหารได้เข้าครอบครองและรับเอาประโยชน์จากที่ดินทุกแปลงแล้ว ถือได้ว่าที่ดินธรณีสงฆ์ ที่นางเนื่อมที่แสดงเจตนาไว้ในพินัยกรรมยกให้แก่วัด แม้จะไม่ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์เป็นชื่อวัดก็ตาม และที่ประชุมใหญ่ของคณะกรรมการกฤษฎีกา มีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน ที่มีการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2482 ที่ระบุให้กระทรวงถือปฏิบัติตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ดังนั้นคำสั่งของนายยงยุทธ จึงเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยไม่ชอบ แสวงหาประโยชน์ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่วัดธรรมิการามวรวิหาร ทั้งยังทำลายศรัทธาของผู้ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เช่นนางเนื่อม จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง พิพากษาจำคุก 2 ปี
คดีนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย (อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย) ต่อศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157 กรณีเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินให้ยกเลิกโฉนดที่ดินที่จดทะเบียนในนาม ‘สนามกอล์ฟอัลไพล์น’ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยมิชอบ
สำหรับต้นเหตุของคดีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. สงสัยกล่าวหานายเสนาะ เทียนทอง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รมช.มหาดไทย พร้อมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน จ.ปทุมธานี สาขาธัญบุรี ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต กรณีจดทะเบียนโอนมรดก และโอนขายที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหารโดยมิชอบ จำนวน 732 ไร่ และละเว้นไม่ดำเนินการเพิกถอนรายการจดทะเบียนโอนที่ดิน
โดยเมื่อปี 2553 ชี้มูลความผิดนายเสนาะไปแล้ว แต่ความผิดตามมาตรา 157 ขาดอายุความตั้งแต่ปี 2548 จึงแค่ผิดตามมาตรา 148 ให้อัยการสูงสุด (อสส.) ดำเนินการต่อไป ต่อมาส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ท้ายสุดศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษายกฟ้อง