เครื่อข่ายพิทักษ์สิทธิ์ คนพิการ เดินสายร้อง DSI ช่วยสางปม โกงเงิน คนพิการ ทำเสียหาย 1,500 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ พม.ระบุไม่ตั้งคณะกรรมการสอบเพราะไม่เกี่ยวกับ พม.โดยตรง รอผลคณะกรรมการจากกระทรวงแรงงาน
วานนี้(19 ก.ย.) นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กรมสืบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อขอให้ดำเนินคดี ต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิ และปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อเงินส่งเสริมผู้พิการ พร้อมยื่นหลักฐานชี้เจ้าหน้าที่รัฐมีพฤติกรรมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หลายกรณี ซึ่มูลค่าความเสียหาย 1,500 ล้านบาททั่วประเทศต่อปี
นายปรีดา กล่าวว่า การที่ คนพิการ ถูกโกงเงินสวัสดการ สาเหตุหนึ่งมาจากผู้พิการทั่วประเทศไม่ทราบถึงสิทธิ์ของตนเอง โดยวงจรคอรัปชั่นนี้มีผู้เกี่ยวข้องถึง 4 ส่วน ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงผู้พิการที่ถูกละเมิดด้วยเช่นกัน โดยแต่ละส่วนอาจมีบุคคลที่มีอำนาจมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ดังนั้นดีเอสไอจึงน่าจะให้ความช่วยเหลือในคดีนี้ได้
พม.อ้างไม่เกี่ยวข้องโดยตรง
ส่วนที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พม. กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ พม.โดยตรง เพราะส่วนที่มีการร้องเรียนมานั้นจะเป็นในส่วนของ มาตรา 35 ที่ระบุว่าหากสถานประกอบการไม่ประสงค์จะจ่ายเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ก็ให้จัดโครงการฝึกอบรมฝึกอบรมผู้พิการแทนตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2556 พม. ซึ่งตามขั้นตอนการปฎิบัตินั้นจะไปเกี่ยวข้องกับกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานโดยตรง
ส่วนของการอนุมัติหลักสูตรฝึกอาชีพคนพิการ ตลอดถึงการหารายชื่อคนพิการและสถานประกอบการ เพื่อยื่นมายัง พม. ในการขออนุมัติงบประมาณจากกองทุนดังกล่าว ซึ่งหลังจากนั้นทาง พม. จะส่งคณะกรรมการลงไปส่วนตรวจว่าโครงการที่ขออนุมัติมาตอบสนองตามความต้องการหรือไม่ โดยที่การบริหารการจัดการงบประมาณหลังจากที่มีการอนุมัติไปแล้วก็จะเป็นหน้าที่ของกรมจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ยืนยันว่า พม.จะไม่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะการร้องเรียนไม่เกี่ยวกับ พม.โดยตรง แต่จะติดตามการตรวจสอบของกระทรวงแรงงานที่ได้ตั้งคณะกรรมการมาดำเนินการเรื่องนี้แล้ว