วันที่ 26 ธันวาคม 2562 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเผาทำลาย กัญชา ของกลางน้ำหนักรวมกว่า 10 ตัน ณ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยกัญชาจำนวนดังกล่าว เป็นของกลางที่สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ขอใช้ประโยชน์จากของกลางที่จับยึดได้ แต่เป็นส่วนที่ตรวจพิสูจน์แล้ว พบว่ามีสารปนเปื้อนไม่ว่าจะเป็นโลหะหนัก ยากำจัดศัตรูพืช และเชื้อราเกินกว่ามาตรฐานความปลอดภัย ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์หรือการศึกษาวิจัยได้ โดยมี นายวีระชัย นาคมาศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. รองศาสตราจารย์วีริศ อัมระปาล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ด้านวิชาการ) กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ๑กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมศุลกากร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมฯ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยใช้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ซึ่งกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 “ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติด ด้วยความตั้งใจของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นประโยชน์ในทางการแพทย์อย่างแท้จริง เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้กัญชาทุกรายมีสิทธิในการเข้าถึงกัญชาเพื่อการรักษาอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันอย่างแท้จริงจึงมีนโยบายแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ เกี่ยวกับการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ โดยการประกาศให้ใช้บังคับ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์กัญชาทุกรูปแบบ ทั้งรูปแบบยาแผนปัจจุบัน ตำรับยาตามตำรายาแผนไทย ตำรับ SpecialAccess Scheme (SAS) สำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายและตำรับยาจากองค์ความรู้และภูมิปัญญาหมอพื้นบ้าน
กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงาน ป.ป.ส. จึงได้เดินหน้าสนับสนุนนโยบายการใช้ประโยชน์จากกัญชาเพื่อทางการแพทย์ โดยดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนในการจัดหากัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ดำเนินการรวบรวมกัญชาของกลางจากคดียาเสพติด ที่มีการจับกุมของกลางกัญชาในคดีที่มีน้ำหนักของกลางตั้งแต่ 100 กิโลกรัมขึ้นไป ในช่วงปี 2561 – 2562 ซึ่งมีกัญชาของกลางกว่า 18 ตัน จาก 36 คดี แล้วนำมาตรวจพิสูจน์เพื่อหาสารปนเปื้อน ก่อนพิจารณาสนับสนุนเนื่องจากหากกัญชาไม่ปลอดสารพิษเมื่อนำไปเป็นวัตถุดิบ ในการทำสารสกัดกัญชาหรือตำรับยาอาจเกิดอันตรายต่อผู้ใช้ได้ สรุปตั้งแต่ 17 มิถุนายน 2562 เป็นต้นมา ได้มีการสนับสนุนกัญชาของกลางให้กับ 10 หน่วยงาน รวมน้ำหนักกว่า 2 ตัน และจะยังคงสนับสนุนกัญชาของกลางให้แก่หน่วยงานที่แจ้งขอรับการสนับสนุน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการการแพทย์อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีกัญชาที่ได้รับมาครอบครองไว้ส่วนหนึ่ง ประมาณ 10 ตัน ตรวจพิสูจน์แล้วพบการปนเปื้อนของสารโลหะหนักคือ แคดเมียม มีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐาน และมีการปนเปื้อนของสารกำจัดศัตรูพืช เกินเกณฑ์มาตรฐานด้วยเช่นกัน อีกทั้งเป็นกัญชาของกลางที่จับยึดได้เมื่อ 2 ปี มาแล้วหากยังคงเก็บรักษาไว้ก็อาจจะมีเชื้อราและสารปนเปื้อนที่มีอันตรายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และศึกษาวิจัยได้ จึงได้จัดให้มีการนำกัญชาของกลางในส่วนที่กล่าวถึงนี้ มาเผาทำลายในวันนี้ โดยเป็นการเผาทำลายในระบบปิดด้วยเตาเผาไพโรไลติก ซึ่งจะเผาไหม้กัญชาของกลางได้โดยสมบูรณ์เหลือเพียงเศษขี้เถ้าที่จะนำไปฝังกลบต่อไปโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ขอขอบคุณนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินที่ได้สนับสนุนเตาเผาในการทำลายกัญชาของกลางในครั้งนี้