กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดรายงานประมาณการเศรษฐกิจโลกในปี 2021 จะกลับมามีการเติบโตในระดับ 5.5% เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ครั้งก่อน 0.3% โดยมีเหตุผลหลักคือการเริ่มฉีดวัคซีนไวรัสโควิด-19 จะเป็นหลักในการขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่งขึ้นในปีนี้ ได้ปรับประมาณการเพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดไว้ที่ 5.2% เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และปีหน้าคาดการณ์เติบโต 4.2%
ทั้งนี้ ในปีนี้จะเป็นปีที่เศรษฐกิจทั่วโลกที่ฟื้นตัวเร็วที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์การเงินในปี 2010 รวมทั้งผ่านมาซึ่งเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองที่ติดลบ 3.5%
โดยวัคซีนอาจจะช่วยเปิดทางให้รัฐบาลทั่วโลกคลายล็อกดาวน์และสนับสนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการปกติ อีกทั้งเศรษฐกิจโลกยังได้รับแรงหนุนจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯและญี่ปุ่นเมื่อปลายปีที่แล้ว
แต่เศรษฐกิจทั่วโลกจะต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เพื่อชดเชยผลกระทบความเสียหายจากการแพร่ระบาดและเตือนว่าการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 อาจทำให้แนวโน้มสุขภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกไม่สดใส
ในการอัปเดตแนวโน้มเศรษฐกิจโลก IMF กล่าวว่าคาดว่าสหรัฐฯ ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกในปีนี้จะเติบโต 5.1% หลังจากทรุดตัวติดลบ 3.4% ในปี 2563 จีนคาดว่าจะเติบโต 8.1% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.3%ในปีที่ผ่านมา
IMF ระบุว่าประเทศในยุโรป 19 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรร่วมกันจะมีการเติบโต 4.2% ในปีนี้หลังจากที่ติดลบ 7.2% เศรษฐกิจญี่ปุ่นคาดว่าจะเติบโต 3.1% โดยกลับมาลดลง 5.1%
IMF ยกระดับอินเดียครั้งใหญ่คาดเศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัว 11.5% ในปี 2564 ซึ่งเร็วที่สุดในบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลักและการฟื้นตัวจากติดลบ 8%
สำหรับกลุ่มประเทศอาเชียน-5 ซึ่งประกอบไปด้วยมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, ไทยและเวียดนาม จะกลับมาเติบโต 5.2% จากปีที่ผ่านมาติดลบ 3.7% โดยไทยเป็นประเทศที่มีตัวเลขที่คาดว่าจะต่ำที่สุดในภูมิภาค กับตัวเลขที่ 2.7% จากปีที่ผ่านมาติดลบ 7.1% ขณะที่มาเลเซียคาดว่าจะเติบโต 7%, อินโดนีเซีย 4.8%, ฟิลิปปินส์ 6.6% และเวียดนาม 6.7%
