กองทุนพัฒนาสื่อ ปลอดภัยและสร้างสรรค์ “ผนึกพลังภาคีเครือข่าย” ร่วม สพฐ และมูลนิธิรักษ์ไทย สร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กและเยาวชน ภายใต้สโลแกน “ก้าวทันยุติการรังแกในโรงเรียน และโซเชียลมีเดีย”
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 ณ โรงแรม เดอะสุโกศล กรุงเทพฯ มูลนิธิรักษ์ไทย เปิดกิจกรรมร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ภายใต้การสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัย และสร้างสรรค์ จัดพิธีเปิดโครงการ นักเรียนก้าวทันยุติการรังแกในโรงเรียน และโซเชียลมีเดีย โดยมีจุดมุ่งหมายให้เยาวชนได้รับรู้แนวทางของพฤติกรรมของการอยู่ร่วมกันท่ามกลางความหลากหลาย พร้อมทั้งการใช้สื่อที่สร้างสรรค์ ที่ไม่นำไปสู่การรังเกียจ การเกลียด และพฤติกรรมรุนแรงต่อกัน ตลอดจนการให้หลักการกับครูให้มีความเข้าใจในการแนะนำ ให้คำปรึกษา แก่ผู้ที่เป็นผู้รังแก และถูกรังแก
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า บทบาทของครู พ่อ แม่ ผู้ปกครอง และชุมชน เป็นปัจจัยสำคัญในการต้องพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ความเข้าใจ ปลูกฝังและสร้างภูมิคุ้มกันการกลั่นแกล้งทางออนไลน์ ให้กับเด็กและเยาวชนเพื่อป้องกันการเป็นเหยื่อ พื้นที่ปฏิบัติการสำคัญ คือ “โรงเรียน” จำเป็นต้องมีการกำหนดหลักสูตรในโรงเรียนระดับประถมศึกษาเรื่องการใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์อย่างปลอดภัย ( Safe Online Practice) รวมถึงหลักสูตรการสร้างทักษะทางดิจิตอล ตลอดจนมีแนวปฏิบัติ กลไกหรือมาตรการในการปกป้องคุ้มครองเด็ก และเยาวชนจากสื่อดิจิตอลจากสถานการณ์การกลั่นแกล้งทางออนไลน์
นายพร้อมบุญ พานิชภักดิ์ เลขาธิการ มูลนิธิรักษ์ไทย กล่าวว่า จากสถิติที่ผ่านมานั้นมีเด็กถูกรังแกในสถานศึกษา ปีละ 600,000 คน และยังพบว่ามีแนวโน้วสูงขึ้นในปัจจุบัน ทั้งนี้นักเรียนที่อยู่ในวงจรการรังแกอยู่ในระบบการศึกษามากกว่า 40 % และประเทศไทยเป็นอันดับ 2 ของโลก (รองจากประเทศญี่ปุ่น) เมื่อเจาะลึกถึงการกลั่นแกล้งทางโลกออนไลน์พบว่ามี 2 ปัจจัย ได้แก่ 1.สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมจริงของเด็ก และลุกลามต่อเนื่องไปยังสังคมออนไลน์ 2.เกิดจากการสร้างทัศนคติ พฤติกรรมรุนแรงเกลียดชัง ในชีวิตจริง และนำไปใช้ในโซเชียลมีเดีย
โดย การรังแกกันในโรงเรียนเปรียบเสมือนกระจกสะท้อนการล้อแกล้งรังแกกันในโลกออนไลน์ เพราะฉะนั้นเลยเกิดการทำโครงการนี้ขึ้นมา โดยเราจะจัดทำหลักสูตรออนไลน์ ระบบ E – Training สำหรับครูและบุคลากร , E-Learning สำหรับนักเรียนที่สามารถนำไปใช้กับโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 29,715 โรงทั่วประเทศ
ด้านนายธนุ วงษ์จินดา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า สพฐ. ได้มีการดำเนินงานเรื่องดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องมีมาตรการและแนวทางปฏิบัติในการป้องกัน และแก้ไขปัญหา ภายใต้ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน การพัฒนาบุคลากรในสังกัดเพื่อให้ครูและบุคลากรมีความรู้ วิธีการ และมีทักษะในการให้คำปรึกษาแก่ผู้ถูกรังแก ผู้รังแก และผู้ร่วมในเหตุการณ์ อีกทั้ง สพฐ.ได้ร่วมมือกับองค์การ UNESCO และภาคีเครือข่ายในการผลักดันเพื่อลดปัญหาการล้อ แกล้ง รังแกกันในสถานศึกษา โดยใช้ชุดกิจกรรม Connect with Respect นำร่องใน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย นครศรีธรรมราช ระยอง สิงห์บุรี และศรีสะเกษ