เร่งรวบรวมข้อมูล “นวดไทย” เสนอขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาต่อยูเนสโก เผยใช้ทับศัพท์ “นวดไทย (Nuad Thai)” ไม่ใช้ Thai massage เพราะยังถูกมองมีกามารมณ์เกี่ยวข้อง เร่งจัดทำมาตรฐานแจกโลโกรับรองทั้งในและต่างประเทศ เพื่อแก้ปัญหาร้านนวดแฝงเซ็กส์
นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงการเสนอ “นวดไทย (Nuad Thai)” เป็นมรดกทางภูมิปัญญาที่จับต้องไม่ได้ต่อยูเนสโกว่า นวดไทยถูกเสนอเป็นมรดกทางภูมิปัญญาฯ พร้อมกับ “โขนไทย” แต่โขนไทยได้รับการพิจารณาขึ้นทะเบียนก่อน โดยนวดไทยยังต้องรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับนวดไทยอีกหลายเรื่อง เพื่อส่งให้กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) นำเสนอต่อยูเนสโก คาดว่าช่วงเดือนพฤศจิกายนจะเป็นการพิจารณาในขั้นสุดท้าย โดยข้อมูลที่ต้องรวบรวมมีทั้งด้านวิชาการ กฎหมาย การคุ้มครองภูมิปัญญา และประวัติการนวดไทยที่บ่งบอกถึงภูมิปัญญา ซึ่งเรามีหลักฐานชัดเจน คือ สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ซึ่งการจารึกการนวดของไทยเป็นจิตรกรรมฝาผนังไว้ภายในศาลาราย ของวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) รวมทั้งข้อมูลเอกลักษณ์ของการนวดไทย คือ เรื่องของเส้นประธานสิบ ที่เป็นเอกลักษณ์ของนวดไทย ไม่ว่าวิธีการนวดจะใช้การตอกเส้น ขิดเส้น หรือใช้นิ้วนวดก็ตาม และข้อมูลมาตรฐานการนวดแต่ละระดับที่แตกต่างกัน เช่น ระดับนวดผ่อนคลาย นวดเพื่อรักษา การสอนนวด ซึ่งได้ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) วัดโพธิ์ มหาวิทยาลัย รพ.ศิริราช ในการจัดทำมาตรฐานดังกล่าว
ต่อข้อถามว่าการนวดไทยยังมีปัญหาถูกมองเชิงลบ นพ.มรุต กล่าวว่า การขึ้นบัญชีมรดกทางภูมิปัญญาจะไม่ใช้คำว่า Thai massage แต่จะใช้ทับศํพท์ว่า “นวดไทย” เพราะเมื่อพูดถึง Thai massage ยังถูกมองไปถึงการนวดที่มีกามารมณ์เข้าเกี่ยวข้อง ซึ่งก็ต้องควบคุมดูแลเรื่องดังกล่าวให้ดี หากตั้งเป็นร้านนวดก็ต้องเป็นนวดเพื่อรักษาหรือนวดเพื่อสุขภาพ ไม่ใช่นวดเพื่อกามารมณ์ โดยจะเดินหน้าเรื่องมาตรฐานในปีนี้ หากร้านนวดใดผ่านเกณฑ์มาตรฐานก็ได้ได้รับโลโก้ ที่กรมการแพทย์แผนไทยฯ ประสานและขอจากกรมทรัพย์สินทางปัญญาไว้แล้วเพื่อใช้ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งหลังการการขึ้นเป็นมรดกโลกทางภูมิปัญญาฯ จะทำให้การนวดไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น คาดหวังว่าจะช่วยยกระบบการนวดของไทยเข้าสู่ระดับสากล มีการเปิดสอน การใช้ และการให้บริการในทั่วโลก ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับคนทั่วโลกด้วย