สืบเนื่องจากกรณีข่าวใหญ่ของวงการตำรวจเมื่อวานนี้ (25 กันยายน 2566) ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) ได้นำกำลังพลและชุดหน่วยคอมมานโด พร้อมหมายค้นจากศาลเข้าทำการบุกตรวจบ้านพักของ บิ๊กโจ๊ก หรือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ภายในหมู่บ้าน ซอยวิภาวดี 60 หลังสโมสรตำรวจ ซึ่งปัจจุบัน บิ๊กโจ๊ก นั้นมีรายชื่อเป็นแคนดิเดตชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. คนต่อไปอีกด้วย
ซึ่งหลังจากถูกบุกค้นบ้าน ในตอนแรก บิ๊กโจ๊ก นั้นได้ให้การปฏิเสธในการที่จะอนุญาตให้ บก.สอท. บุกค้น โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นว่า “มาค้นผมได้ไง ออกมาหมายค้นได้ไง ขอดูหมายค้นหน่อย ผมไม่ให้ค้น กลับไปเลยไป” แต่ต่อมาก็ได้มีการให้อนุญาตตรวจค้น เนื่องจาก พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้เดินทางมาพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แล้วเพื่อแจ้งรายละเอียดให้ทราบ และขอดำเนินการขั้นถัดไป
เมื่อตรวจค้นเสร็จสิ้นแล้วผลปรากฏว่าไม่พบสิ่งผิดกฎหมายในบ้านของ บิ๊กโจ๊ก โดยหลังจากการตรวจค้นเสร็จสิ้น ทางด้าน บิ๊กโจ๊ก ก็ได้เดินทางไปยังสโมสรตำรวจ และให้สัมภาษณ์ว่า
สำหรับกรณีที่ศาลออกหมายจับผู้ใต้บังคับบัญชาของตนนั้น เมื่อมีหมายจับมามา ลูกน้องของตนก็ต้องไปชี้แจงต่อศาลเอง ถึงที่มาที่ไปเงินจำนวนดังกล่าวว่าคืออะไร ซึ่งส่วนของตนนั้น “ถ้าลูกน้องทำผิด ตนเองก็ไม่ละเว้นเช่นกัน” ส่วนตัวตนมองว่าลูกน้องไม่มีการกระทำผิด ยังมั่นใจในลูกน้องและเราทำงานด้วยกันมานาน
แต่แล้วกลับมีการออกหมายจับลูกน้องคนสนิทของ บิ๊กโจ๊ก โดยมีการ ออกหมายจับตำรวจทั้งหมด 8 นาย ซึ่งมีการจับกุมได้แล้วบางส่วน ซึ่งทั้งหมดเป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาของ บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล สำหรับตำรวจที่ถูกออกหมายจับ ประกอบด้วย
- 1.พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผบก.ศฝร.บช.น.
- 2.พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิสมัย ผกก.ตม.จันทบุรี
- 3.พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย รองผบก.สส.ภ.4
- 4.พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รองผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ
- 5.พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ ผกก.ตม.จว.ฉะเชิงเทรา
- 6.พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร นตต.รองผบ.ตร.
- 7.ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผบ.หมู่งานสายตรวจ 1 กก.1 บก.จร.
- 8.ส.ต.อ.อภิสิทธิ์ คนยงค์ ผบ.หมู่(ป.) สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
ไม่หวังเป็น ผบ.ตร. ตอนนี้
ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ 26 กันยายน 2566 ในรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ ทางผู้ดำเนินรายงานอย่าง สรยุทธ สุทัศนะจินดา ก็ได้ต่อสายตรงไปถึง บิ๊กโจ๊ก โดยถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า บิ๊กโจ๊ก นั้นมีความคิดเห็นว่าอย่างไร โดยเจ้าตัวนั้นได้เปิดใจอีกครั้งว่า
เมื่อผมทำคดีใหญ่จริงจัง มันก็กระทบหลายส่วน ทุกคดีทำแบบนี้หมด ใช้มาตรฐานแบบนี้หมด คือถ้าสมมุติคนผิด 5 คน แล้วผมจับแค่ 5 คน มันก็ไม่ใช่ ผมก็ต้องสืบเส้นทางการเงิน ซึ่งมันก็กระทบหลายคน มันก็เป็นการเมืองในตำรวจ ผมก็ไม่ได้คิดหวังว่าจะเป็น ผบ.ตร. อะไรเร็วขนาดนั้น ผมเหลือเวลาตั้งหลายปี แต่ผมแค่ทำงานเชิงรุก ถ้าผมไม่ทำแล้วองค์กรจะอยู่ยังไง ประชาชนจะทำยังไง
ซึ่งตอนนี้ผมเป็น ผบ.ตร. อาวุโส อันดับ 2 ซึ่งผมก็ไม่ได้หวังเป็น ไม่แย่งชิง ถ้ามีหน่วยอื่นมาติดต่อให้ไปอยู่ ผมก็คงไม่ได้ไป เพราะผมถนัดงานตำรวจ เราเรียนจบมาตรงนี้ แต่ถ้ามอบหมายอะไรมาผมก็ทำได้หมด แต่ถ้าไม่ใช่งานตำรวจไม่ไป ผมถนัดตรงนี้ อันอื่นผมทำไม่เป็น
เมื่อถามว่า แล้วถ้าต้องเป็น ผบ.ตร. จริงๆพร้อมที่เป็นหรือไม่ บิ๊กโจ๊ก กล่าวว่า แล้วแต่ผู้บังคับบัญชาครับ เป็นก็ได้ ไม่เป็นก็ได้ ผมอยากทำงานมากกว่า “เมื่อวานนั่งคุยจนทะลุปรุโปร่งหมดละ ว่าใครทำอะไรนอกกติกา ก็คือลูกน้องเราเนี้ยแหละ“ ซึ่งถ้าอันไหนมันผิด มันก็ต้องต่อสู้คดี เขาต้องเป็นคนตอบว่าทำไมถึงใช้บัญชีม้า ทำไมถึงมีเส้นเงินเกี่ยวโยงกับมินนี่ รองคริษฐ์เอามาจากรองภาคภูมิ แล้วรองภาคภูมิก็เอาไปแจกจ่ายต่อ ต้องเอามาถามตรงๆ ว่าติดพนันบอลหรือเปล่า และต้องถามรองภาคภูมิตรงๆว่าเอาเงินมาจากไหน เงินที่ไปเอามามินนี่เป็นเงินอะไร
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY