พระพุทธรูปอุลตร้าแมน “เวลาผ่านไป 12 ปี ประเทศไทยไม่ดีขึ้นเลย เราถูกจำกัดเสรีภาพทางงานศิลปะมาตลอดและจากเหตุการณ์ ภาพวาด “ภิกษุสันดานกา” ของอนุพงษ์ จันทร เมื่อปี 2550 จนถึง พระพุทธรูปอุลตร้าแมน ผู้ใหญ่ในประเทศไม่ได้พัฒนากลไกทางความคิดรวมไปถึงระดับจิตใจที่มีต่อศิลปะให้สูงขึ้นเลย”
ปี 2550 ภาพวาด “ภิกษุสันดานกา” ของอนุพงษ์ จันทร ถูกวิจารณ์จากคณะสงฆ์และชาวพุทธบางกลุ่มว่า เสียดสีและหมิ่นเหม่ต่อการเหยียดหยามพระภิกษุและพระพุทธศาสนา
ต่อมาเมื่อ อนุพงษ์ จันทร ชี้แจงต่อสาธารณะ ภาพเปรตห่มจีวร ปากมีลักษณะคล้ายปากของกา สะท้อนถึงคนที่เข้ามาบวชเพื่ออาศัยผ้าเหลืองหาประโยชน์จากแรงศรัทธาของชาวบ้าน
ปี 2562 นักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ถูกคนบางส่วนวิพากษ์วิจารณ์เป็นการลบหลู่ดูหมิ่นพุทธศาสนา จากผลงาสนภาพวาด “พระพุทธรูปอุลตร้าแมน” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ จากที่สื่อหลายสำนักนำเสนอไป แต่วันนี้ประเทศไทยที่กล่าวกับตัวเองเสมอมาว่าเป็นเมืองพุทธนั้น เป็นดาบสองคมหรือไม่ ? ทั้งสองกรณีที่เกิดขึ้นนั้นมีระยะเวลาห่างกันเป็นเวลา 12 ปี จากปี 50 จนถึงปี 62 ยังมีเหตุการณ์แบบนี้ปรากฎขึ้นอยู่ในสังคม ประเด็นที่จะพูดถึงกันในวันนี้คือเราชาวไทยพุทธทุกคนเป็นพุทธแท้แล้วจริงหรือ
กรณีดังกล่าวไม่ได้มุ่งไปที่วงการศาสนาเพียงอย่างเดียว แต่วงการกการศึกษาก็ถูกเพ่งเล็งจากสังคมอยู่ไม่น้อย ปัจจุบันนี้ศิลปะและศาสนาถูกบังคับให้อยู่คู่กันในตำราเรียน ครูสอนนักเรียนเสมอว่าศิลปะถูกใช้เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาจากสีของกำแพงโบสถ์ หรือ ที่อธิบายถึงเหตุการณ์สำคัญทางศาสนาที่อยู่เรื่อยไป ตรงนี้เป็นเรื่องที่งดงามจริงๆ แต่อีกทางหนึ่งใครก็แน่ที่มีปัญหากับผลงาน “พระพุทธรูปอุลตร้าแมน”
ไม่ใช่คนรุ่นใหม่แต่อย่างใด หากเราลองไล่เรียงเหตุการณ์นี้ดีๆ เราจะรู้ได้เลยทันทีว่า คนรุ่นใหม่ไม่ได้มีปัญหากับภาพนี้แต่อย่างใด มีคนบางกลุ่มที่ไม่สามารถรับการวิพากษ์วิจารณ์พระพุทธศาสนาได้กำลังเคลื่อนไหวและโจมตีนักศึกษาสาวเจ้าของผลงานนี้อยู่ เราลองมองกันดีๆว่า “พระพุทธศาสนา” ถูกทำลายโดยคนกลุ่มใดเป็นหลัก อันดับแรกที่คิดถึง ก็ต้องเป็นนักบวชในนิกายศาสนานั้นๆ เราพบเห็นข่าว พระมั่วสีกาในรั้ววัดอยู่บ่อยครั้ง พระมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พระยักยอกเงินวัด พระสร้างวัตถุมงคลเก็งกำไร พระปัสวะสีม่วงเนื่องจากมีสารเสพติดในร่างกาย ประเด็นอยู่ที่เราตื่นเต้นอะไรกันกับการที่นักศึกษาสาวผู้นี้จะคิดว่าท่ามกลางความเลวร้ายที่ศาสนาพุทธในประเทศไทยกำลังเผชิญ จะมีพระพุทธรูปที่เปรียบเสมือฮีโร่ของเขาในการออกมาช่วยเหลือปกป้องศาสนาพุทธ เราไม่มองตรงนี้กันเลย อันเนื่องมาจากการศึกษาไม่ได้ทำหน้าที่ให้ความรู้ความเข้าใจในการดูงานศิลปะประเภทต่างๆ งานศิลปะทุกแขนงจึงดูด้อยค่าราคาถูกในประเทศนี้ และการถูกจำกัดเสรีภาพทางความคิดของประชาชนก็กลายเป็นที่ไม่ต้องการของคนส่วนใหญ่ในประเทศ เราพิสูจน์ได้จากการวิพากษ์วิจารณ์ของชาวเน็ตในโลกสื่อสังคมออนไลน์อย่างที่เราพบเห็นกัน
เวลาผ่านไป 12 ปี ประเทศไทยไม่ดีขึ้นเลย เราถูกจำกัดเสรีภาพทางงานศิลปะมาตลอดและจากเหตุการณ์ ภาพวาด “ภิกษุสันดานกา” ของอนุพงษ์ จันทร เมื่อปี 2550 จนถึง พระพุทธรูปอุลตร้าแมน ผู้ใหญ่ในประเทศไม่ได้พัฒนากลไกทางความคิดรวมไปถึงระดับจิตใจที่มีต่อศิลปะให้สูงขึ้นเลย นักศึกษาสาวพยายามปรับมุมมองที่มีต่อศาสนาของคนรุ่นใหม่ผ่านภาพวาดที่ดึงดูด ดูแปลก ดูน่าตื่นเต้น โดยปราศจากเจตนาร้าย
ก็ถูกสังคมเล็กๆ
ตีตราว่าเป็นคนนอกจารีต และ โดนโจมตีในหลายๆพื้นที่สื่อสังคมออนไลน์
ในแง่ของนักศาสนาวิทยา “ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์” กล่าวกับ ”ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” โดยมองอย่างเป็นกลางจากพื้นฐาน 2 ข้อ 1.เป็นการลบหลู่หรือไม่ และ 2.ต่อให้ลบหลู่ มีความผิดหรือไม่ ซึ่งการลบหลู่หรือไม่นั้น เป็นปัญหายุ่งยากมาก จากการตีความโดยศิลปินผู้วาด และการตีความโดยบรรดาคนที่เห็น บางคนมีความคิดว่าเป็นการหมิ่นและลบหลู่ บางคนไม่คิดจากการมองรูปลักษณ์ในการนำเสนอว่ามีเจตนาอะไร และเมื่อเจ้าของผลงานออกมาชี้แจงจะมีใครเชื่อหรือไม่ว่าไม่ลบหลู่ แต่วิธีนำเสนอผลงานอาจแตกต่างจากจารีต
“ใครจะนำเสนอผลงานพระพุทธรูป จะต้องเป็นไปตามจารีตแนวนี้เท่านั้น หากแตกต่างก็ถือว่าผิด แต่ในแง่ศิลปะมองว่าพระเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ ในแนวคิดของเขา แล้วแต่คนฟังจะเชื่อหรือไม่เชื่อ บางคนอาจมองเป็นการแก้ตัว มันขึ้นอยู่กับเราว่าตีความอย่างไร ผิดไปจากหลักศาสนา หรือผิดในเรื่องรูปแบบตามที่คนไทยยึดถือ มองว่าลบหลู่ ซึ่งตรงข้ามกับชาวต่างชาติ อย่างเช่นการยืนค้ำหัวผู้ใหญ่ คนไทยรับไม่ได้ แต่ต่างชาติไม่ถือ หรือคนไทยมองว่าผู้หญิงด้อยกว่า ไม่ควรมีหน้าที่การงานที่สูง แต่คนในอารยธรรมที่ไกลกว่า กลับไม่มองเช่นนั้น หรืออย่างญี่ปุ่น นับถือศาสนาพุทธเช่นกัน ไม่ถือว่าเป็นการลบหลู่ ที่ผ่านมามีการนำเสนอผลงานพุทธศาสนาหลากหลายก้าวไกลในแวดวงศิลปะ”
อย่างไรก็ตามมีกลุ่มคนรุ่นเดิม ที่คิดเพียงแค่ว่าพระพุทธศาสนาต้องเป็นแบบ เถรวาท เท่านั้น สังคมจำเป็นที่จพต้องรับฟังการวิพากษ์ วิจารณ์ ศาสนาได้เสียที ถึงเวลาต้องผลักดันในการแสดงสิทธิเสรีภาพของศาสนาอย่างเต็มที่ เหมือนๆ อารยประเทศอื่นๆ ไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตราย เพราะศาสนาเป็นเรื่องศรัทธา ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ไม่สามารถอ้างสิทธิคนในสังคม แต่ต้องทำตามฉันได้เท่านั้น ทั้งๆ ที่ศาสนาควรเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล หรือเอามาตราเป็นกฎหมายมาบังคับผู้คน
นายปักธงรบ