The Space Someone คุยกับ Taitosmith ความเชื่อ “ดนตรีเปลี่ยนโลกได้” (คลิป)

Taitosmith ไททศมิตร ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ The Space Someone ในฐานะวงดนตรีที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นกระบอกเสียงในการสื่อสาร และทำอะไรให้กับผู้คนในสังคม ที่อาจจะไม่ได้มีโอกาสมากพอในการที่จะออกมาพูด หรือแสดงความคิดเห็น ให้กับคนอื่นๆ ในสังคมได้รับฟัง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อขับเคลื่อนอุดมการณ์เพื่อชีวิตของผู้อื่น ทำเพลงวิพากษ์สังคม ชีวิต ความรัก การเมือง เศรษฐกิจ

เรียกได้ว่าเป็น ‘เมล็ดพันธุ์ใหม่’ ของวงการดนตรีไทย ที่เป็นการรวมตัวคนรุ่นใหม่ ทั้ง 6 คน มาทำเพลงสะท้อนด้านมืดสังคมไทยผ่านบทเพลง ภายใต้การดูแลของ GENE LAB

เมื่อความมุ่งมั่น ตั้งใจ บวกกับความถนัด และความรักในเสียงเพลง จึงกลายเป็น ‘ไททศมิตร’ ในวันนี้ ไปติดตามกันเลยว่าตัวตนของไททศมิตร จะเป็นอย่างไรโดยพวกเขาเล่าว่า

ความเหงาหรือความคิดถึงที่ทรมานที่สุดคือ การที่เราสัมผัสถึงอะไรที่ใกล้ตัวเราไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นภาษา อาหาร ผู้คน สภาพแวดล้อม เราสัมผัสมันไม่ได้เลย

บางทีเพลงบางเพลงที่เราเขียน ก็อยากที่จะแสดงความเป็นตัวเองออกไป แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปมันก็จะกลับมาคอยบอกเราเรื่อยๆ ว่า อย่าลืมนะ มันคือเพื่อนนะ มันคือพอเพียงนะ

เราก็มีประสบการณ์ร่วมว่าเคยเจอ คนทำร้ายร่างกายบัง คนบูลลี่บัง พอมานำเสนอแบบไททศมิตรมันก็เลยมีความประชดประชันเข้าไป อะดีนาลีนเรามันพุ่งแล้วเราไม่ได้เจตนาร้าย

เราก็แลกกันหลายอย่างเพราะว่าทุกคนต่างก็มีงานประจำหมด มันก็จะมีช่วงนึงที่เราก็ต้องแลก ซึ่งไม่รู้ว่าวงมันจะไปได้หรือเปล่า หรือมันไปไม่ได้ เพราะว่าตอนนั้นมันยังไม่มีตัววัด คือยังไม่มีใครมารองรับ หรือมีงานมากมายมารองรับขนาดนั้น แต่เราเหมือนเชื่อในสิ่งเดียวกัน ก็เลยถ้าสมมุติไม่ออกตอนนั้นมันก็คงครึ่งๆ กลางๆ แล้วก็คงทำตรงนี้ไม่ได้เต็มที่ เห็นภาพไม่ชัด ดังนั้นทุกคนต่างก็ต้องเสียอะไรไป

แนวเพลงแต่ละแนวเพลง ก็จะมีแฟนเพลงตอบสนองที่ต่างกัน มีกลุ่มแฟนเพลงที่ต่างกัน แต่ของพวกผมก็คือ แต่ละเพลงที่ถูกสร้างขึ้นมามันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสื่อสารกับคนในรูปแบบหนึ่ง ในอีกแบบหนึ่ง บางอย่างเราก็รู้ว่าเพลงนี้มันสามารถสื่อสารกับกลุ่มคนได้เท่านี้ กลุ่มคนแบบนี้ได้เท่านั้น แต่ไม่ทั้งหมด เราก็รู้ แต่ว่าสิ่งที่มหัศจรรย์ของวงที่มันเกิดขึ้นคือแฟนเพลงเข้าใจในความเป็นไททศมิตร มันเลยทำให้เรามีตัวเลือกที่เรา แบบพูดกับคนนี้แล้งคนนี้ไม่งอนนะ เราแค่ตั้งใจว่าเพลงนี้จะคุยกับคนแบบนี้ เราจะคุยกับคนที่เขาผิดหวังกับความรักนะ เพลงนี้เราจะคุยกับคนที่เขาสู้ชีวิตนะ ในภาษาของเรา อะไรแบบนี้ครับ เราเซ็ตแบบนี้ตลอด ทำยังไงให้แก่นความจริงอยู่นะ เราพูดอย่างตรงไปตรงมา และจริงใจที่สุดได้อยู่

ผมแค่ตั้งคำถามง่ายๆ ว่าเรื่องบางเรื่องที่เราเห็นในชีวิตประจำวันแต่มันไม่ถูกมานำเสนอผ่านหนังสือหรือผ่านสื่อ ยิ่งทุกวันนี้ผมรู้สึกว่ามันยิ่งถูกกดทับไปเรื่อยๆ ถูกซ่อนไว้ใต้พรมปัญหาต่างๆ นาๆ เราก็มานั่งคิดว่าแบบนี้หนังสือคงไม่มีเขียนหรอก ปัญหาของสามจังหวัดใช้แดนภาคใต้เกิดอะไรขึ้นบ้างเบื้องลึกมันเป็นยังไง ปัญหาของสังคมประวัติศาสตร์อย่างเจาะลึกใน แง่มุมต่างๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งบางทีในโลกที่เราอยู่ หรือว่าในสังคมที่เราอยู่ มันอาจจะถูกเล่าแค่มุมเดียว ทีนี้หน้าที่ของเรา เราพยายามที่จะสะท้อนหลายๆ แง่มุม ที่มันอาจจะถูกลืมไป หรือเราเห็นซ้ำจนชินชากับมันแล้ว

ผมว่ามันเหมือนกันเลยกับคำถามที่เป็นวลีอยู่ตอนนี้ว่าทำไมคนต้องสนใจการเมือง เพราะมันเกี่ยวกับชีวิตเรา เพลงมันคือการสื่อสารเพราะโลกใบนี้มันกว้างมาก คนมันเยอะมาก เพื่อชีวิตก็อาจจะเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่งที่อาจจะมีหลายแง่มุมให้เราได้คุยกันเยอะแยะมากมาย ให้เป็นเพื่อนคุณ..

เมื่อก่อนเราเคยใช้ประชาธิปไตย โหวตเลย แต่ ณ ตอนนี้มันก็จะถูกปรับ ต่อให้ใครซักคนหนึ่งไม่โอเคเราก็จะคุย คุย คุย แต่สิ่งที่สำคัญเลยก็ คือ อย่าเดินหนี อย่าปล่อยให้ปัญหามันคาราคาซัง มันจะทำให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ระบบหรือว่าสังคมต่างๆมันพังทลายมันมีทางออกอยู่แล้วแหละทางออกนั้นมันอาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด มีคนอาจจะเสียผลประโยชน์บ้างแต่มันก็เป็นเรื่องปกติ

สุดท้ายพี่ผมตอบมาเท่มากเลยคือเขาบอกว่า งั้นทำตามหัวใจตัวเองเพราะพี่เชื่อว่าน้องพี่ใฝ่ดี จบ

โดยเบื้องต้นของมันผมเขียนให้ ผมฝันว่าผมจะมีลูกแล้วผมก็เขียนเพลงนี้รอไว้ให้เขา ปรากฏว่าน้องแสตมเขาชอบเพลงนี้มาก มันเป็นเพลงที่ พูดประมาณว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าเราจะห่างกันสักเท่าไหร่ ไม่ว่าปัญหามันจะเกิดขึ้น ฉันจะขออยู่ตรงนี้คอยมองเธอจากตรงนี้ เป็นกำลังใจให้เธอ ปูทางให้เธอเดิน น้องเขาก็ชอบ แล้วก็เรียกผมว่าคุณพ่อตั้งแต่วันแรกแล้วผมก็รู้สึกดีมาก แล้วก็ยิ่งรู้สึกดีเข้าไปอีกที่เขา ให้เพลงนี้ไปอยู่ในใจ แล้วทำให้เขาหายจากโรคนั้น

มันไม่ใช่แค่ว่า โอเคเพลงอาจจะเปลี่ยน แต่สิ่งที่เขากระทำด้วยเขาตามพวกเรา เขาเจอเพื่อนเจอสังคมใหม่ๆ เขาได้ยิ้มมากขึ้น เขาเจออะไรที่สวยงามในโลกมากขึ้น ทำให้สิ่งพวกนั้นมันถูก กด กด กด แล้วก็หายไป แน่นอนว่ามันคือสูงสุดของอาชีพเลยก็ว่าได้

มันไม่ใช่เรื่องอคติอย่างเดียวมันคือการแบกรับด้วย คืออะไรหลายอย่าง เราจะทำยังไงให้ผลงานเราเพียว เป็นเพียวอาร์ตโดยที่ไม่มีการแบกรับคำชมของผู้อื่น แล้วทำเพลงแบบนี้ออกไปวงจะถูกมองว่าเป็นยังไง มันส่งผลต่องานทั้งหมด การที่ถามว่าทำยังไงแล้วเราจะรีเช็ก ทำได้เพียงแค่ถามตัวเอง แล้วรีเช็กตัวเอง

อย่างที่สองคือเราอาจจะโชคดีเรามีกัลยาณมิตรที่ดี อีกอย่างคือเขาช่วยรีเช็กเราด้วย เพราะบางอย่างเราส่องกระจกเราอาจไม่เห็นตัวเองทั้งหมด ด้วยวัยวุฒิและพวกผมก็ยังเด็กมาก มันยังไม่ได้โตขนาดนั้น แน่นอนอยู่แล้วว่ามันจะต้องมีผิดพลาด มันจะต้องมีคิดผิดหลงทางมันเป็นเรื่องปกติ ช่วยรีเช็กกันและกัน ผมกล้าพูดได้เลยว่าหลายๆครั้งที่เราพูดอะไรที่เป็น personal ด้วยกัน บางครั้งจึ้กก็มีเวลาเราเตือนกัน แต่มันก็ต้องยืนฟัง ก็ต้องยืนฟังและทำความเข้าใจกัน อะไรแบบนี้ มันเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้เราอยู่ร่วมกันได้ หรือทำให้เราไม่อยากฟังแล้วเดินหนีทุกอย่างมันก็คงจบ

เกือบเปลี่ยนแต่ว่าสุดท้ายแล้วเราก็ต้องกลับมามั่นคงในสิ่งเดิม เราก็ต้องกลับมาที่เป้าหมายเดิม เราอาจจะเขว้ไป อาจจะแบบ.. โอ้โฮ้ สิ่งเร้ามันเยอะมากเลยครับจากวันแรกที่ก้าวมา พูดเลยว่ามันต้องเจออยู่แล้วผู้หญิง เหล้า ยา ปลาปิ้ง ชื่อเสียง มันเป็นแรงปะทะที่หนักมากเลย สุดท้ายแล้วต้องตั้งสติอาจจะคุยกัน หรือว่าอย่างที่บอกอาจจะมีผู้ใหญ่ช่วย หรืออาจจะมีเหตุการณ์มาช่วย เราเคยปักหมุดไปแล้ว เราเคยเห็นภาพมันชัดเจนมากวันนั้น ก็คือกลับมากลับมากำแกนกลางของเราให้มันแน่นอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็เดินไปเหมือนเดิม