หมอธีระ ย้ำการติดเชื้อ โอไมครอน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อจำนวนมาก พร้อมเผยยุทธศาสตร์ควบคุมและป้องกันโควิดช่วงปีใหม่
เมื่อวันที่ 27ธ.ค.64 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat โดยระบุว่า
“Extraordinarily contagious”นี่คือคำที่ Anthony Fauci กล่าวผ่านสื่อเมื่อวานนี้ ย้ำว่า โอไมครอน นั้นเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดง่ายมาก และปัญหาที่อเมริกากำลังประสบอยู่ตอนนี้คือ ปริมาณการตรวจคัดกรองโรคไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน เฉกเช่นเดียวกับที่เราเห็นข่าวจากประเทศอื่น เช่น ในรัฐวิคตอเรียของออสเตรเลีย เป็นต้น
สุดท้ายที่ Fauci ชี้ให้เห็นคือ การเน้นย้ำว่าการติดเชื้อ Omicron ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อจำนวนมาก จะหักล้างผลเรื่องความรุนแรงที่ลดลง แปลง่ายๆ คือ การระบาดของ Omicron ย่อมทำให้จำนวนติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้โดยเฉลี่ยแล้วจะรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ แต่จะทำให้จำนวนคนป่วยมากขึ้นได้
ในขณะเดียวกัน Omicron ก็ทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบสุขภาพอย่างชัดเจนแล้ว เช่น ในรัฐนิวยอร์ก ที่พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ผู้ป่วยเด็ก (อายุน้อยกว่า 18 ปี) ติดเชื้อจนต้องนอนรพ. เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า และราวครึ่งหนึ่งเป็นเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ตอกย้ำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องดูแลป้องกันลูกหลาน เพราะเป็นช่วงวัยที่ยังได้วัคซีนจำกัดหรือบางช่วงอายุก็ยังไม่มีวัคซีนให้ใช้
สำหรับไทยเราด้วยสถานะปัจจุบันที่เราเห็น หากเข้าสู่ขาขึ้นของการระบาดระลอก Omicron อาจควบคุมป้องกันได้ลำบากเหตุผลหลักคือ
หนึ่ง ระบบการตรวจคัดกรองโรคนั้นมีศักยภาพจำกัด ยากในการเข้าถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง RT-PCR หรือแม้แต่ ATK ถึงราคาค่างวดจะลดลงมา แต่ประชาชนจำนวนไม่น้อยก็มีปัญหาด้านเศรษฐานะ อาจไม่สามารถซื้อหามาใช้อย่างเป็นกิจวัตรได้นี่เป็นเรื่องที่ควรได้รับการดูแลโดยด่วน การตรวจคัดกรองโรคไม่ว่าจะ RT-PCR หรือ ATK ควรเป็นบริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย และให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่ติดกฎเกณฑ์หยุมหยิม
สอง สมรรถนะของ Omicron แพร่เร็วมาก ดื้อต่อภูมิคุ้มกันจากวัคซีนหรือจากการติดเชื้อในอดีต ดื้อต่อโมโนโคลนัลแอนติบอดี้หลายชนิดที่ใช้รักษา ติดเชื้อซ้ำได้มากกว่าสายพันธุ์อื่น และสามารถติดในฐานประชากรวงกว้างทั้งที่ฉีดวัคซีน ไม่ฉีดวัคซีน รวมถึงที่ติดเชื้อมาก่อน
สิ่งที่พอทำได้ระดับบุคคลคือ การขันน็อตพฤติกรรมส่วนตัวของแต่ละคนเอง ใส่หน้ากาก ล้างมือ อยู่ห่างคนอื่น งดเที่ยว งดปาร์ตี้สังสรรค์ สังเกตอาการตนเองหากไม่สบายคล้ายหวัดให้รีบตรวจโควิดแล้วแยกตัวจากคนใกล้ชิด
ในขณะที่รัฐนั้น ควรทบทวนนโยบายเรื่องเศรษฐกิจและท่องเที่ยว ขันน็อตระบบตรวจคัดกรองมาตรฐานและกักตัว 14 วันอย่างเคร่งครัด รวมถึงเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายสถานประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคที่กำหนด โดยดูบทเรียนคลัสเตอร์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ยุทธศาสตร์สู้ Omicron นั้น ประเมินแล้วคงหนีไม่พ้นเรื่อง “ดูแลตนเอง, ป้องกันเด็กๆ, ตรวจคัดกรองโรคให้เร็วและมาก, และชะลอความเสี่ยงจากนโยบายท่องเที่ยว”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หมอธีระ อัปเดตผลศึกษา ‘โอมิครอน’ ชี้ทั่วโลกป่วยโควิดแล้ว 278 ล้านราย!
“หมอธีระ” อัพเดตโควิด “โอมิครอน” แพร่เร็วว่าเชื้อตัวอื่น ลั่น! แค่วัคซีนอย่างเดียวน่าจะไม่พอ