หนุ่มสาวออฟฟิศทั้งหลายเชื่อว่าหลายคนคงเคยมีอาการปวดหัวโดยไม่ทราบสาเหตุ อยู่ๆ ก็ปวดเมื่อยร่างกาย บางรายเป็นหนักถึงขั้นขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวลำบาก หรือบางครั้งก็ปวดเรื้อรังทั้งคอ บ่า ไหล่ ไม่ว่าจะกินยาหรือนวดแผนไทยให้ผ่อนคลาย อาการก็ไม่หายไป ซึ่งอาการที่เกิดขึ้น อาจเป็นอาการของ “ออฟฟิศซินโดรม” (Office Syndrome) นั่นเอง
อาการออฟฟิศซินโดรมมักพบได้ในกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ ที่ต้องนั่งทำงานอยู่ท่าเดิมๆ เป็นเวลานาน ซึ่งโรคนี้ไม่ได้พุ่งเป้าโจมตีเฉพาะมนุษย์สำนักงานเท่านั้น ใครก็ตามที่มีพฤติกรรมอยู่ในท่าเดิมนานๆ ซ้ำๆ ล้วนมีสิทธิ์เป็นออฟฟิศซินโดรมได้ทั้งสิ้น อาการมีได้ตั้งแต่ระดับเบาๆ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ ปวดข้อมือ ข้อศอก นิ้วล็อก และหนักไปจนถึงปวดร้าวไปถึงกล้ามเนื้อและกระดูก ซึ่งหากปล่อยไว้นานๆ จะส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน วันนี้เรามีคำแนะนำในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อแก้ปัญหาและป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรมมาฝากกัน
ขยับปรับท่า เมื่อรู้สึกเมื่อยล้าหรือมีอาการตึงในอวัยวะส่วนใด ควรลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบทเพื่อยืดและเหยียดกล้ามเนื้อ หรืออาจตั้งเวลาให้ตัวเองลุกจากเก้าอี้เพื่อยืดเส้นยืดสายอย่างน้อยทุกๆ 2 ชั่วโมง
นั่งให้ถูกท่า เก้าอี้ที่ใช้ในการนั่งทำงานควรปรับองศาให้พอดีกับโต๊ะทำงาน ตำแหน่งที่เหมาะสมคือต้องไม่รู้สึกว่าต้องโน้มตัวหรือยกตัวขึ้นมากเกินไปเมื่อต้องนั่งทำงาน โดยสามารถวางเท้าลงบนพื้นหรือที่พักเท้าได้พอดี
วางคอมพ์ให้ถูกที่ ปรับคอมพิวเตอร์ให้จออยู่ในระดับสายตา หรือกึ่งกลางของจออยู่ระดับสายตา ระยะห่างประมาณ 2.5 ฟุต พอดีกับระดับเก้าอี้ที่นั่ง และควรใช้จอหรือสวมแว่นตาที่ช่วยลดการสะท้อนของเงาและถนอมสายตา ส่วนแป้นคีย์บอร์ด ควรอยู่ในระดับข้อศอก ข้อมือ จะได้ไม่ต้องยกแขนขึ้นมาพิมพ์
ออกกำลังกาย หาเวลาออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและร่างกายให้แข็งแรง ซึ่งคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ กล้ามเนื้อจะมีความยืดหยุ่นมากกว่าคนไม่ออกกำลังกาย ดังนั้น โอกาสการเป็นออฟฟิศซินโดรมก็จะน้อยกว่าด้วย
คุมน้ำหนัก น้ำหนักตัวก็มีผลต่อการเป็นออฟฟิศซินโดรม เพราะน้ำหนักตัวที่มากเกินไปล้วนส่งผลต่ออาการปวดหลังหรือปวดเข่า จะบรรเมาลงได้หากน้ำหนักตัวไม่มากเกินไป จึงควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดอาการปวดเมื่อยและบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและจัดระเบียบร่างกายให้ถูกต้อง จะสามารถป้องกันและแก้ปัญหาโรคออฟฟิศซินโดรมได้อย่างยั่งยืน แต่หากใครมีอาการปวดเรื้อรัง เคลื่อนไหวลำบาก และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ควรไปพบแพทย์
ว่าแล้วก็ขอตัวไปเปลี่ยนอิริยาบทก่อนนะคะ