ขึ้นชื่อว่าอาหารไทย ไม่ว่าใครก็คงรู้ดีว่าเน้นการปรุงรสชาติจัดจ้านเป็นหลัก เรียกได้ว่าใส่เครื่องปรุงกันอย่างไม่ยั้งมือ ครบเครื่องทั้งรสหวาน เค็ม เปรี้ยว เผ็ด แหมมมม…กลมกล่อมกันเลยทีเดียว แต่คุณรู้กันหรือไม่ว่าระหว่างที่เราเพลิดเพลินไปกับรสชาติเหล่านี้ อาจจะมีโรคอื่น ๆ แฝงมาด้วย
จากข้อมูลของกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขพบว่า ภายในครัวของแทบทุกบ้านนั้นมีเครื่องปรุงรสซึ่งเป็นแหล่งโซเดียมก่อโรคสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ น้ำปลา, ซีอิ๊วขาว, เกลือ, กะปิ, ซอสหอยนางรม นี่ยังไม่นับรวมถึงผงชูรส, อาหารแปรรูป, อาหารหมักดอง และขนมกรุบกรอบต่าง ๆ ที่เป็นปัจจัยเสริมทำให้ในมื้ออาหารของเรามีโซเดียมสูงเกินมาตรฐานที่ร่างกายควรได้รับไปเยอะมาก
ความจริงแล้วคนปกติทั่วไปควรบริโภคปริมาณโซเดียมไม่เกินวันละ 2,000 มิลลิกรัมเท่านั้น ส่วนผู้สูงอายุและคนไข้ความดันโลหิตสูง กินโซเดียมไม่เกินวันละ 1,500 มิลลิกรัม แต่จากการสำรวจการบริโภคเกลือของคนไทย โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กลับพบว่า คนไทยบริโภคเกลือและโซเดียมสูงเป็น 2 เท่าของที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน โดย 71% มาจากการเติมเครื่องปรุงรสระหว่างการประกอบอาหาร
มาถึงตอนนี้หลายคนคงเริ่มสังเกตตัวเองกันแล้วใช่ไหมว่า ในแต่ละวันเรากินโซเดียมไปเยอะแค่ไหน หากเรากินโซเดียมในปริมาณที่มากไปจะส่งผลอะไรกับร่างกายบ้าง ? จริง ๆ แล้วการกินเค็มนั้นส่งผลต่อระบบร่างกายเราหลายอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง, เสี่ยงความดันในสมอง, ส่งผลเสียต่อไตโดยตรง, ทำให้หัวทำงานหนักจนก่อให้เกิดภาวะหัวใจวาย แถมยังเพิ่มโอกาสเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ด้วย
หากไม่อยากเสี่ยงกับโรคร้ายทั้งหลายเหล่านี้ ควรสร้างนิสัยการกินอาหารรสจัดโดยเฉพาะรสเค็ม เริ่มจากการลดเค็มครึ่งหนึ่ง เพื่อสุขภาพที่ดีของเราในอนาคตค่ะ
ที่มา : สสส.