เราอาจจะเคยได้ยินกับคำว่า “Work-Life Balance” แต่ในยุคสมัยที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงไปสิ่งต่าง ๆ ก็ล้วนเปลี่ยนแปลงตาม ดังนั้นจึงเกิดคำนิยามในการทำงานใหม่ขึ้นมาอย่าง “Work-Life Integration” มีหลายคนที่พอจะเคยได้ยินคำนี้ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้จัก วันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการทำงานในรูปแบบนี้กันค่ะ จะเป็นอย่างไรบ้างต้องติดตาม
- มีเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น (Flexible Hours)
เริ่มต้นข้อแรกกันด้วยเรื่องของ “เวลา” เพราะสำหรับการทำงานแบบ Work-Life Integration แล้วไม่เน้นเวลาเข้า – ออกงาน แต่จะเน้นในเรื่องของประสิทธิภาพ การทำงานมากกว่า โดยการให้อิสระแก่พนักงาน ในการจัดสรรชั่วโมงในการทำงานด้วยตัวเอง แทนที่จะต้องเข้างานตามเวลาแบบเดิม ซึ่งการทำงานแบบนี้ เชื่อว่าจะช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะสามารถจัดสรรเวลา ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของตัวเองได้อย่างเหมาะสม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังต้องคงคุณภาพของงานอยู่ด้วย
- ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ก็สามารถทำงานได้ (Remote Working)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันเราเข้าสู่สังคมดิจิตอลที่ไร้พรมแดนกันอย่างเต็มตัวแล้ว ดังนั้นการเข้าออฟฟิศเพื่อนั่งทำงาน คงไม่จำเป็นอีกต่อไป เพียงแค่เรามีโน้ตบุ๊คสักเครื่องพร้อมอินเทอร์เน็ตก็สามารถทำงานได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นมุมไหนของโลกก็ไม่มีปัญหา สำหรับการประชุมส่วนมากถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรจะใช้รูปแบบ Video Conference ได้ ซึ่งบริษัทที่เกิดใหม่ส่วนมากก็ได้นำเทคนิคนี้ไปปรับใช้กันแล้ว
- สามารถเลือกสวัสดิการได้เอง (Customizable Perks)
สำหรับข้อนี้ถือเป็นข้อที่สำคัญไม่แพ้ข้ออื่น ๆ เพราะการที่บริษัทใส่ใจในตัวพนักงานมากขึ้นอีกนิด จะช่วยให้คนในองค์กรรู้สึกดีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการที่สามารถเลือกสวัสดิการได้เองนั้น ถือเป็นข้อที่จำเป็นมากในปัจจุบัน เพราะแต่ละคนย่อมมีความต้องการที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการทำเช่นนี้นอกจากจะช่วยจูงใจให้พนักงานเก่ง ๆ เข้ามาร่วมงานด้วยแล้ว ยังถือเป็นการซื้อใจและแสดงให้เห็นถึงการใส่ใจได้อีก
- จัดเทรนนิ่ง เพื่อเพิ่มความรู้ (Invest in Training)
สำหรับข้อนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องของการเรียนรู้ เพราะโลกสมัยนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการเรียนรู้สิ่งใหม่ถือเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก การที่เรารู้ในสิ่งใหม่ ๆ หรือในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ถือเป็นการเพิ่มโอกาสยิ่งขึ้น และหากบริษัทอยากให้บุคลากรมีประสิทธิภาพแบบรอบด้าน ยิ่งมีความจำเป็นต้องจัดคอร์สฝึกอบรมในเรื่องต่าง ๆ เพื่อศึกษาความรู้เพิ่มเติมนำมาปรับใช้กับงาน และช่วยให้องค์กรพัฒนายิ่งขึ้นไปอีก
สำหรับเทคนิคการทำงานในรูปแบบใหม่นี้ สามารถนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม หากเพื่อน ๆ มีข้อคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการทำงานแบบนี้ ก็แนะนำและเสนอความคิดเห็นมากันได้นะคะ
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
3 วิธี ทำธุรกิจกับเพื่อน ไม่ให้เพื่อนเลิกคบ
“ดูถูก ก้าวก่าย ปัดความรับผิดชอบ” พฤติกรรมหัวหน้า ที่ลูกน้องเบือนหน้าหนี
นอนเท่าไรก็ไม่พอ อาจเสี่ยงเป็นโรคร้ายโดยไม่รู้ตัว
รู้ก่อนได้เปรียบ ! ตำแหน่งปวดหัวบอกโรคได้