บางคนอาจเข้าใจว่า “ออฟฟิศซินโดรม” เกิดขึ้นได้กับคนทำงานออฟฟิศเท่านั้น แต่ความจริงแล้วออฟฟิศซินโดรมสามารถเกิดได้กับทุกคน ถ้าหากคุณมีพฤติกรรมการใช้งานกล้ามเนื้อที่ไม่ถูกต้อง ในระหว่างที่คุณทำงานแล้วเริ่มมีอาการปวดตามหลัง ไหล่ คอ ปวดหัว หรือปวดตา อย่าได้มองข้ามไป เพราะอาการเหล่านี้ล้วนเป็นอาการของโรคออฟฟิศซินโดรม ซึ่งถ้าไม่ป้องกันรักษาก็อาจกลายเป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพได้
“ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)” เป็นชื่อเรียกของอาการผิดปกติตามในร่างกาย เช่น กระดูก กล้ามเนื้อ ระบบหมุนเวียนเลือด ระบบการมองเห็น เกิดจากการที่ร่างกายต้องทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งในท่าซ้ำ เป็นเวลานาน
สาเหตุของออฟฟิศซินโดรม เกิดจากการนั่งทำงานในท่าเดิมนานเกินไปโดยที่ไม่ปรับเปลี่ยนท่าทาง เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป สภาพแวดล้อมในการทำงานไม่เหมาะสม รวมถึงทำงานหนักเกินไป ทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อน บวกกับสังคมในที่ทำงานเป็นพิษ ทำให้เกิดความเครียดได้
อาการของออฟฟิศซินโดรม นอกจากการปวดตามอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายแล้วนั้น ถ้าหากปล่อยไว้โดยไม่บำบัด หรือไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายตามมา เช่น เสี่ยงต่อการเกิดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังคด และแขนขาอ่อนแรง ถ้ารุนแรงมากอาจทำให้เดินไม่ได้ ต้องทำกายภาพบำบัดหรือผ่าตัด รวมถึงเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้า
การรักษาอาการออฟฟิศซินโดรม หากเริ่มรู้สึกเมื่อยล้า ควรพักการทำงานเพื่อผ่อนคลายร่างกายและสมอง เช่น ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย เดินไปสูดอากาศ ไม่ควรนั่งทำงานเป็นเวลานานเกินไป และหมั่นออกกำลังกาย เพื่อยืดและคลายกล้ามเนื้อ ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการทำงาน เช่น ปรับโต๊ะและเก้าอี้ให้เหมาะกับสรีระ ทำความสะอาดออฟฟิศให้โล่งและอากาศถ่ายเทมากขึ้น แต่หากมีอาการรุนแรงแล้วไม่สามารถรักษาได้ในเวลาอันสั้น อาจต้องตัดสินใจพักงานหรือเปลี่ยนงาน
อาการออฟฟิศซินโดรมอันตรายมากกว่าที่คุณคิด เพราะฉะนั้นในระหว่างการทำงานเราควรผ่อนคลาย และไม่เครียดจนเกินไป แต่ถ้าหากคุณมีอาการที่กล่าวข้างต้น ก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ไม่ควรปล่อยไว้นานนะคะ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่เจ็บปวดมากแต่มันก็อาจจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเราในระยะยาวได้
ขอบคุณข้อมูลจาก honestdocs