รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็กสตรีและการค้ามนุษย์และคณะ เดินทางมายังจังหวัดแม่ฮ่องสอน ติดตามความคืบหน้าขยายผลคดีค้าประเวณี ที่เข้าข่ายค้ามนุษย์ในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน
พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตรวจดูการ ดำเนินคดี กลุ่มข้าราชการตำรวจและครูที่ถูกกล่าวหาพรากผู้เยาว์ รุมโทรมหญิง โดยวันนี้ มีตำรวจรายงานตัวตามหมายเรียก4นาย จากที่ออกหมายเรียกตำรวจ 5นาย ครู 1คน จากนั้น คณะของรองผบ.ตร.ได้ไปดูสถานที่เกิดเหตุบ้านพักข้าราชการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอนเลขที่ 82 / 3ซึ่งเป็นบ้านพักของพันตำรวจโทมงคล ปันตี รองผู้กำกับการงานป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในผู้ถูกออกหมายเรียก ซึ่งบ้านปิดล็อคสภาพบ้านว่างเปล่ามีเพียงผ้าเช็ดตัวหนึ่งผืนและโรลออนหนึ่งขวดทิ้งไว้เท่านั้น
https://youtu.be/e044dKOKmyc
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า ขณะนี้ข้าราชการตำรวจ8นายที่ถูกออกหมายจับและหมายเรียกได้มาพบพนักงานสอบสวนแล้ว7นาย มีเพียงพันตำรวจโทมงคล ที่ลงบันทึกประจำวันว่าไปราชการตั้งแต่เมื่อ วันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่พอสอบถามผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่า ไม่มีการสั่งการให้ไปปฏิบัติราชการใดๆจึงเท่ากับว่าขาดราชการ จึงสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนวินัยกรณีขาดราชการด้วย โดยสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน อย่างไรก็ตามสำหรับตำรวจในพื้นที่จ.แม่ฮ่องสอน ที่ถูกดำเนินคดี เบื้องต้น มีจำนวน 9 นาย แต่หากพยานหลักฐานโยงไปถึงใครอีกก็จะต้องดำเนินคดี สำหรับพ.ต.ท.มงคล หากไม่มารายงานตัวตามหมายเรียก จะถือว่าขัดหมายเรียกครั้งที่1 เร็วๆนี้ จะออกหมายเรียกอีกครั้งหากไม่มาอีกก็จะต้องเสนอขออนุมัติหมายจับต่อไป นอกจากนี้ยังมีข้าราชการครูที่เคยทำงานในแม่ฮ่องสอนแต่ตอนนี้ย้ายไปอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานีได้ประสานงานจะมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกก่อนวันที่15 พฤษภาคมนี้
สำหรับการดำเนินคดีกับผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน รองผบ.ตร.บอกว่า อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งนี้ต้องไปชั่งน้ำหนักคำให้การคำซัดทอดของพยานต่างๆว่าเชื่อถือได้หรือไ ม่รวมถึงนำผลการสอบสวนของกระทรวงมหาดไทยมาพิจารณาด้วย แม้เป็นคนละส่วนกันแต่ก็เป็นปัจจัยหนึ่ง หากพฤติกรรมเข้าข่ายความผิดข้อใดก็ต้องแจ้งข้อกล่าวหาตามนั้น
ด้านจ่าสิบเอกขัติพันธ์ บุตรสอน เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ที่ถูกเด็กสาวแม่เล้าพาดพิงในชื่อลุงพัน เดินทางมายังกองบังคับการตำรวจภูธรแม่ฮ่องสอน ยอมรับว่า รู้จักเด็กสาวเหล่านั้นจริงแต่ทำงานตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เรื่องการหาข่าวกลุ่มแม่เล้าที่พัวพันกับขบวนการค้าประเวณี ส่วนเรื่องการโพสเปลี่ยนคำขวัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นการคุยเล่นกับเพื่อนในเฟซบุค ตนเองจะฟ้องกลับคนที่นำข้อความดังกล่าวไปเผยแพร่เร็วๆนี้ ด้วย