การแพร่ระบาดอย่างหนักของโควิด19 ในรัฐวิคตอเรียของ ออสเตรเลีย สืบสวนจนพบว่า เกือบทั้งหมดเป็นเหตุจากแผนการกักตัวที่โรงแรมของผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
โดยโรคโควิด19 เริ่มกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งในรัฐวิคตอเรีย ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิ.ย. ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งสูงสุดเมื่อวันที่ 5 ส.ค. อยู่ที่ 725 ราย ทำให้มีการปิดเมืองอย่างเข้มงวดอีกครั้ง รวมถึงในเมลเบิร์น เมืองเอกของรัฐ ก็ได้ประกาศเคอร์ฟิวช่วงกลางคืน
วิจัยออสเตรเลีย-จีน เผย โควิด19 แพร่กระจายได้ ความชื้นต่ำมีส่วนสำคัญ
เมื่อวันที่ 17 ส.ค. เบน โฮว์เดน นักจุลชีววิทยาทางการแพทย์และแพทย์ด้านโรคติดเชื้อกล่าวระหว่างการสืบสวนแผนกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศในโรงแรมว่า ข้อมูลลำดับจีโนมเผยว่าร้อยละ 99 ของผู้ป่วยในรัฐวิคตอเรียช่วงปลายเดือนก.ค. สามารถสืบย้อนไปถึงผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศได้
แม้โฮว์เดนจะไม่ได้ระบุว่าโรงแรมที่ใช้กักตัวคือโรงแรมใดหรือระบุถึงผู้ที่ถูกกักตัวอยู่ที่นั่นโดยตรง แต่เป็นที่ทราบกันว่ารัฐบาลออสเตรเลียดำเนินนโยบายระดับประเทศที่กำหนดให้นักท่องเที่ยวที่กลับมาจากต่างประเทศทุกคนต้องกักตัวที่โรงแรมมาตั้งแต่เดือนมี.ค.
เจ้าของ ร้านอาหารไทย ในออสเตรเลียถูกสังคมรังเกียจ หลังถูกกล่าวหาเป็นแหล่งแพร่โควิด19
ขณะที่ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ยอดผู้ป่วยรายวันในรัฐวิคตอเรียลดต่ำลง หลายฝ่ายต่างพุ่งความสนใจไปที่ความล้มเหลวของระบบการกักตัวที่โรงแรม โดยมีการกล่าวหาว่าสาเหตุที่เชื้อไวรัสระบาดในชุมชนมาจากการดำเนินการที่ด้อยประสิทธิภาพ โดยมีหลักฐานชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดหลายจุดในมาตรการขั้นพื้นฐานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าไม่ได้รับการฝึกอบรมอย่างมีประสิทธิภาพและไม่มีอุปกรณ์หรือความรู้ความเข้าใจที่เพียงพอสำหรับการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
ลินด์เซย์ เกรย์สัน ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยาและโรคติดต่อกล่าวระหว่างการสอบสวนว่าโครงการฝึกอบรมออนไลน์สำหรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มีความสับสน และเสี่ยงต่อการเข้าใจผิด เธอกล่าวว่า “การฝึกอบรมส่วนมากเหมือนหลักสูตรอบรมสำหรับประชาชนทั่วไปมากกว่าการอบรมกลุ่มคนที่จะติดต่อหรือรับผิดชอบด้านการควบคุมดูแลผู้ป่วยโรคโควิด19 โดยตรง”
นักวิจัยออสเตรเลีย เตรียมศึกษาเบาหวานกระทบ โควิด19 หรือไม่?
โทนี นีล เนติบัณฑิตอาวุโสผู้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทนายความแห่งพระองค์ (Queen’s Counsel) เผยว่าโครงการกักตัวที่โรงแรมของรัฐวิคตอเรีย ไม่บรรลุเป้าหมายด้านการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ในชุมชน ทั้งยังกล่าวเสริมว่าการสืบสวนจะตัดสินว่าใครคือคนที่รับผิดชอบควบคุมดูแลโครงการดังกล่าวและการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่มีประสิทธิภาพมากพอหรือไม่