ประเสริฐ พรรคเพื่อไทย ซัด รังสิมันต์ โรม พรรคก้าวไกล ไม่อยากให้พาดพิงถึงคนที่อยู่ชั้น 14 ยันไม่ได้มีสิทธิพิเศษ หยุดโยงการเมือง
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงกรณี นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล ออกมากล่าวถึงร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกล ที่ทุกคนจะได้รับสิทธิหมด เพราะวันนี้หลายคนไม่ได้รับสิทธิพิเศษเหมือนคนที่อยู่ชั่น 14 นั้น ว่า “จริงๆ ไม่อยากให้พาดพิงถึงคนที่อยู่ชั้น 14 เพราะเรื่องของท่าน สิ่งที่ได้รับเป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมายทุกอย่าง ไม่ได้มีสิทธิพิเศษเหมือนคนอื่นแต่อย่างใด”
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ฉะนั้น อยากส่งสัญญาณไปว่า อย่าให้เป็นประเด็นทางการเมืองมาก เพราะตอนนี้บ้านเมืองกำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องเป็นเรื่องสำคัญที่เราทำอยู่ ขออย่าเล่นการเมืองจนเกินไป ส่วนเรื่องเสียงสนับสนุนร่างกฎหมาย ก็ขอให้พิจารณา หรือ ยกร่างด้วยความบริสุทธิใจ และการนำเสนออย่ามีวาระซ่อนเร้น ถ้าต้องการช่วยเหลือประชาชนจริงๆ พรรคเพื่อไทย พร้อมให้การสนับสนุน
- หนังจีน ส่งผลกระทบ การท่องเที่ยวไทย พวงเพ็ชร เร่งหารือทำความเข้าใจ
- โคมลอย เป็นเหตุ? เชียงไหม่ระอุ ไฟไหม้ตึก หลัง นทท. ฝ่าฝืนปล่อยโคม
- แจ้งข่าวประชาชน จ่ายเงินชาวนา เริ่มวันนี้ เช็กกำหนดการรับเงินได้ ที่นี่!
จากกรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก นายรังสิมันต์ โรม เคยได้ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อนักข่าวว่า การที่พรรคก้าวไกลเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น ก็เนื่องจากปัญหาทางการเมืองในช่วงเวลาที่ผ่านมา รวมถึงการใช้นิติสงครามในกฎหมายหลายฉบับ เพื่อจำกัดการแสดงออกของประชาชน กลายเป็นปัญหารากฐานสำคัญที่ทำให้การเมืองของประเทศไม่สามารถเดินต่อได้ การนิรโทษกรรมโดยมีการหารือร่วมกับตัวแทนจากฝ่ายต่างๆ ทั้งฝั่งการเมือง ฝั่งราชการ คือกระบวนการที่จะนำไปสู่การสร้างความยุติธรรมให้กับประชาชนทั้งที่กำลังถูกดำเนินคดี ถูกดำเนินคดีไปแล้ว และยังไม่ถูกดำเนินคดีแต่มีแนวโน้มจะถูกดำเนินคดี
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ไมีคนเดียวที่เหมือนจะได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด คือคนที่อยู่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ การนิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกลเป็นการเลือกปฏิบัติตรงไหน ผลของกฎหมายนี้ถ้าผลักดันสำเร็จ คือการคืนความเป็นธรรมให้คนรุ่นใหม่ คนเสื้อแดง ผู้ที่เรียกร้องประชาธิปไตยทั้งหมด ไม่เหมือนการเลือกปฏิบัติให้อดีตนายกรัฐมนตรีหรือการเป็นเครื่องต่อรองทางการเมืองเพื่อใครคนใดคนหนึ่งเสียหน่อย”
