16 ส.ค.63 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เผยว่า ในการชุมนุมของกลุ่มประชาชนปลดแอกบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยช่วงเย็นนี้ สิ่งที่น่ากังวลคือหลังจบการชุมนุมในวันนี้ จะมีประชาชนอีกกี่คนที่ถูกคุกคามจากอำนาจรัฐ
ในฐานะตัวแทนของประชาชนอยากเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พิสูจน์คำพูดลูกผู้ชายของท่านสักครั้ง เพราะเมื่อไม่กี่วันมานี้ ท่านได้แถลงข่าวระบุว่า ในโลกประชาธิปไตย เราต้องทำงานด้วยกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย พอกันทีกับการเมืองเก่าและขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ถ้าดูจากการกระทำที่ปากพูดว่าจะฟัง จะหาทางออกร่วมกับผู้ชุมนุม แต่การกระทำคือ จับกุม ยัดข้อหา เร่งรัดการดำเนินคดีกับแกนนำ ส่งเจ้าหน้าที่ไปข่มขู่ คุกคามแกนนำและครอบครัว สิ่งเหล่านี้ทำอย่างหน้าตาเฉย ให้สัมภาษณ์อย่างน่าละอายว่าไม่รู้เรื่อง ไม่ได้สั่งการ
สถานการณ์ล่อแหลมเช่นนี้ สิ่งที่นายกรัฐมนตรีทำได้ คือการยอมรับและพูดคุยหารือกันอย่างจริงใจ ไม่ลอยตัวเหนือปัญหา โยนหน้าที่หาทางออกให้กับสภาผู้แทน ทั้ง ๆ ที่พวกเราเสนอไปหมดแล้ว รายงานญัตติรับฟังนักศึกษาที่ถูกโหวตคว่ำอย่างอัปยศที่สุด เป็นหลักฐานว่าสภาเป็นแค่เครื่องมือถ่วงเวลาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการใช้กำลัง มีการดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรมอีก มันคือจุดจบของรัฐบาล เพราะมันชัดแล้วว่าการเจรจาไม่เคยอยู่ในหัวของเผด็จการเลย แม้จะพยายามทำตัวเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย