กรณ์ จาติกวณิช เสนอความเห็นช่วยรัฐบาลคิดต่อ พ.ร.ก.SoftLoan ช่วย SME, พรก.รับซื้อพันธบัตรเอกชน, พรก. เงินกู้ 1 ล้านล้าน และพรบ.โอนงบปี 63
8 เม.ย. 63 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง โพสต์เฟซบุ๊ก “Korn Chatikavanij – กรณ์ จาติกวณิช” หลังจาก ครม. มีมติเห็นชอบหลักการ พ.ร.ก. กู้เงินทั้งสิ้น 3 ฉบับ ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 2 ฉบับ และกระทรวงการคลัง 1 ฉบับ
นายกรณ์ ระบุข้อความว่า “3 พรก. 1 พรบ.สำคัญทางการเงิน มติครม.ประวัติศาสตร์สู้โควิด! หลังจากได้ฟังคำชี้แจง หลักการของรัฐบาล และธนาคารแห่งประเทศไทย ผมขอเสนอความเห็นเพื่อช่วยกันคิดเพิ่มเติมจากที่ได้นำเสนอไปแล้วตามนี้ครับ”
1 พรก.SoftLoan ช่วย SME
เป็นการใช้กลไกของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นประโยชน์แน่นอนกับลูกค้าของธนาคาร
แต่ต้องกำกับให้ไปถึงผู้ประกอบการขนาดเล็กให้ได้ ซึ่งบางรายมีวงเงินกับธนาคารน้อย
หรือไม่มีการกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์เลย
2 พรก.รับซื้อพันธบัตรเอกชน
เรื่องนี้สะท้อนถึงความระมัดระวังเป็นอย่างดีในส่วนของแบงค์ชาติครับ ท่านมีความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการหรือธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะเงื่อนไขที่กำหนดไว้ว่า:
1 บริษัทที่ขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนฯ จะต้องชำระอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าอัตราตลาด
2 ต้องระดมทุนส่วนใหญ่ได้จากแหล่งเงินทุนอื่น เช่น การกู้เงินธนาคารพาณิชย์หรือการเพิ่มทุน
3 ต้องมีแผนการจัดหาทุนในระยะยาวที่ชัดเจน รวมทั้งต้องผ่านเกณฑ์และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำกับกองทุนกำหนด
4 หากผู้ออกตราสารหนี้เสนอขายตราสารหนี้ต่อนักลงทุนทั่วไปและมีการให้หลักประกันแก่ผู้ถือ ตราสารหนี้ที่กองทุน BFS จะลงทุนในคราวเดียวกันต้องมีหลักประกันไม่ด้อยกว่าหลักประกันที่ให้แก่ผู้ถือตราสารหนี้อื่น
ตามกติกาดังกล่าวนี้ ผมมองว่าสมเหตุสมผลดีขึ้นมากครับ
3 พรก. เงินกู้ 1 ล้านล้าน
แบ่งเป็นสองส่วนคือ 600,000 ล้าน ยิงตรงประชาชน เป็นเม็ดเงินที่เหมาะสมและจำเป็น
เพียงแต่ต้องถึงมือประชาชนที่เดือดร้อนทุกคนอย่างรัดกุม ทั่วถึง และเป็นธรรม
ส่วนที่สอง 400,000 ล้าน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้น ผมขอสงวนความเห็นเพราะยังไม่เห็นแผน สมัยปี 53 ที่เราจำเป็นต้องกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์นั้นเรามีแผนไทยเข้มแข็งรองรับการกู้ทันทีถึงรายละเอียดของการใช้เงิน และหากแผนไม่ชัด จะเกิดความกังวลว่า เป็นการใช้ในโครงการราชการต่างๆ ที่เดิมควรอยู่ในระบบงบประมาณปกติ (ที่ตรวจสอบได้) มากกว่าหรือไม่
4 พรบ.โอนงบปี 63
ดูเหมือนขาดความจริงจังเป็นอย่างยิ่ง! จากข่าวก่อนหน้านี้ที่บอกว่าจะมีการโอน 20% เพื่อให้ได้งบประมาณ 640,000 ล้าน เหลือแค่จะโอนเพียง 80,000-100,000 ล้าน และยังไม่ได้ระบุว่า งบส่วนนี้จะนำไปใช้อย่างไร
นอกจากนี้ยังมีประเด็นของแบงก์ชาติ ที่ระบุถึงการเลื่อนกำหนดการชำระหนี้ทั้งต้นและดอกสำหรับ SMEs 6 เดือนเพื่อต่อลมหายใจ ในทางปฏิบัติตรงนี้ SMEs รอคอยมานานมากเพราะปัญหาในทางปฏิบัติที่ผ่านมาล่าช้า และทำให้ต้องแบกรับภาระทางการเงินจนอาจต้องปิดกิจการ วันนี้ในเมื่อ แบงก์ชาติมีคำสั่งออกมาแบบนี้แล้ว ธนาคารพาณิชย์จึงควรสับคัทเอาท์ต้นและดอกทันที !