ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึงกรุงเทพในฝัน มุ่งลดรอยต่อในการทำงาน ระบบเมืองที่มีคุณภาพเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนเมือง โดยโพสต์ระบุว่า
ไม่ว่าจะเป็นเมืองไหนบนโลก ความต้องการต่างๆ ของเมืองคือพื้นฐาน ที่เราจะเอาเทคโนโลนีมาใช้เพื่อพาเมืองไปให้ถึงเป้าหมายความต้องการเหล่านั้น เมืองสำหรับทุกคน เมืองสีเขียว เมืองที่มีการศึกษาที่ดี เมืองที่ปลอดภัย ขนส่งสาธารณะที่ไว้ใจได้ แต่เมื่อมาดูความจริงของกรุงเทพมหานครวันนี้ เราใช้ที่ไม่จำเป็นอยู่กับการเดินทางโดยเฉลี่ย 72 นาทีต่อวัน หรือ 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือครึ่งเดือนต่อปี เป็นมูลค่าเศรษฐกิจถึง 3.5 แสนล้านบาทต่อปี หรือ 10% ของงบประมาณประเทศ เยอะกว่างบประมาณ 8.3 หมื่นล้านของกรุงเทพมหานครเสียอีก
เจี๊ยบ ก้าวไกล ฉะอธิการบดีมธ. ฟังไม่ขึ้นขวางจัดม็อบ
ชัยธวัช ก้าวไกล ยัน ประชาชนมีอำนาจกำหนด รัฐธรรมนูญ สู้ รัฐประหาร
นั่นก็เพราะระบบการขนส่งสาธารณะในกรุงเทพหานครมีรอยต่อ ไม่มีความเสถียร ไม่มี mode shift ไม่มีระบบ feeder ที่จะนำประชากรไปสู่ระบบขนส่งหลักอย่างรถไฟฟ้าได้ ไม่สามารถประสานงานกันได้ มีปัญหาการเชื่อมต่อกันระหว่างหน่วยงาน เรามีระบบขนส่งสาธารณะภายใต้ กทม. เรามีระบบขนส่งภายใต้รัฐส่วนกลางแยกออกจากกัน ไม่มีการประสานงาน ทำให้ทุกคนต้องใช้รถเป็นปัจจัยที่ห้า หรือมีมอเตอร์ไซค์เป็นอย่างน้อย สิ่งที่ตามมานอกจากรถติด คือความต้องการที่จอดรถเพิ่มขึ้น สูญเสียพื้นที่ไปจำนวนมหาศาลเป็นจำนวนถึง 1 แสนกว่าไร่ หรือคิดเป็นสวนลุมพินี 273 สวนรวมกัน
ก้าวไกล ชี้ รัฐล้มเหลวทำเศรษฐกิจพังรอวันระเบิด จัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า
เมื่อมาดูแล้ว ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาได้เพราะมีความเกี่ยวข้องของหลายหน่วยงาน เมื่อเทียบกับต่างประเทศ เช่นที่เมืองโอซาก้า ที่ระบบการขนส่งทั้งหมดถูกจัดการหรือถือหุ้นใหญ่โดยเทศบาลเมืองโอซาก้า ที่สามารถบริหารจัดการได้ด้วยความเป็นเจ้าของทั้งหมด
นอกจากเรื่องการเดินทาง ในเมืองที่อันตรายและมีอุบัติเหตุคนเสียชีวิตมากอย่างกทม. กล้อง CCTV ของเราเองก็มีปัญหา กล้อง CCTV ที่เรามีอยู่ส่วนใหญ่มีเว็ปไซต์ที่เข้าดูและเข้าถึงได้ยาก ภาพกระตุก กล้องไม่แสดงข้อมูล หรือกล้องไม่แสดงผล นี่คือสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดที่ควรจะมีแต่กลับไม่มี ซึ่งสิ่งนี้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ด้วยการเพิ่มปริมาณกล้อง ทำให้การแสดงผลเป็น real-time และเปิดข้อมูลสาธารณะให้เข้าถึงกล้องได้ 48 ชั่วโมงโดยไม่ต้องขอ
กฎหมาย-ระบบบริหารราชการแช่แข็งกรุงเทพไปไม่ถึงฝัน – จัดการขยะแสดงความไร้วิสัยทัศน์การบริหาร
สิ่งที่เป็นกฎหมายที่ฟังแล้วตลกมาก คือ พ.ร.บ.ผังเมืองปี 2562, ผังเมืองรวมที่ออกเป็นประกาศกฎกระทรวงโดยกระทรวงมหาดไทย, และผังเมืองเฉพาะที่ออกเป็นพระราชกฤษฎีกาที่ออกโดยคณะรัฐมนตรี ที่เต็มไปด้วยความยุ่งยาก ต้องผ่านคณะรัฐมนตรี ต้องขอคณะรัฐมนตรี ต้องขอกระทรวงมหาดไทย นี่เป็นเรื่องของการขี่ช้างจับตั๊กแตน ที่เมื่อเทียบกับต่างประเทศแล้ว ทุกอย่างกำหนดและจบไปที่ผู้ว่าเมือง แต่ของประเทศไทยเป็นเช่นนั้น ทำให้เรื่องที่ดูเหมือนง่าย สำหรับประเทศไทยต้องไปต่อคิว อีก 52 สัปดาห์ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นี่คือกฎหมายที่ทำให้การพัฒนาเปลี่ยนแปลงกทม.เป็นไปได้ยาก
ส่วนเรื่องการจัดการปัญหาขยะในกรุงเทพมหานคร มีคำพูดที่ยิ่งใหญ่แต่เป้าหมายเล็กเหลือเกิน มีแผนพัฒนา 2556-2575 ในการจัดการปัญหาขยะมูลฝอยให้เป็น “zero waste” แต่เมื่อมาดูเป้าหมาย มีเพียงการกำหนดให้ลดขยะที่ต้องกำจัดลงใหได้ 20% หรือจาก 80% ให้เหลือ 58% เท่านั้น แต่กลับใช้คำว่า zero waste
กทม.ในทางปฏิบัติกลับโยนขยะไปให้จังหวัดอื่นจัดการแทน ปลายทางหลุมฝังกลบอยู่ที่นครปฐมและฉะเชิงเทรา นี่ไม่เรียกว่าการจัดการ แต่เป็นการโยนปัญหาไปให้เพื่อนบ้านจัดการให้ แน่นอนว่ามีการพูดถึงโรงงานหมักปุ๋ยและโรงงานแปรรูปขยะเป็นพลังงาน ที่หนองแขมและอ่อนนุชซึ่งสร้างเสร็จแล้ว แต่ใช้ไม่ได้เพราะมีปัญหาเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น ทำให้ทุกวันนี้ยังปิดอยู่ ไม่สามารถเอามาใช้งานได้
ทางที่ถูกของการจัดการขยะในกรุงเทพ คือการ reduce, reuse, recycle การที่จะลดได้มีตัวอย่างความสำเร็จของกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ จากปี 1994 ถึงปี 2012 ที่ลดจาก 1.53 หมื่นตันต่อวันเหลือ 9.18 พันตันต่อวัน โดยอาศัยกลไกภาษีที่ลดขยะได้จริงๆ นี่ต่างหากคือการบริหารจัดการ ไม่ใช่การย้ายขยะไปที่จังหวัดอื่นแล้วอ้างว่านี่คือการบริหารจัดการ
โมเดลจัดทำงบฯ แบบมีส่วนร่วมสู่การออกแบบเมืองในมือของประชาชน
จากปัญหาทั้งหมดนี้ มีอยู่เทคโนโลยีหนึ่งที่จะสามารถนำมาใช้ปรับเพื่อสะท้อนความต้องการของคนกทม.ได้ นั่นคือ Participatory Budgeting – PB (การจัดทำงบประมาณแบบมีส่วนร่วม) ซึ่งหลายเมืองบนโลกนี้นำมาใช้กันแล้วและนำไปสู่การปฏิบัติจริง ให้ประชาชนมาลงคะแนนกันว่าอยากให้รัฐบาลท้องถิ่นนำงบประมาณไปลงทุนที่ใด เป็นจำนวนเท่าไหร่บ้าง อย่างที่กระบวนการที่ผู้เข้าแข่งขัน Datathon ได้ทำกัน หากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นและส่งตรงไปยังผู้ว่าราชการนำไปปฏิบัติจริงได้ นี่จะเป็นกลไกประชาธิปไตยทางตรงในการเชื่อมโยงประชาชนกับผู้แทน
งบประมาณกทม.ตอนนี้ 8.3 หมื่นล้าน ถ้ากันออกมา 5% 4.15 พันล้านเป็นงบประมาณของประชาชนที่สามารถใช้ได้จริง ถ้าผู้ว่า กทม.ของพรรคไหน ของใครที่เสนอโครงการนี้ นี่คือสิ่งที่ผูกมัดเขา และนี่คือสิ่งที่เขาจำเป็นที่จะต้องทำ หลายเรื่องถึงแม้ว่าผู้ว่าจะมีไอเดียแค่ไหน ก็จะติดอยู่ที่ พ.ร.บ.ผังเมือง ไม่ว่าผู้ว่าจะมีไอเดียแค่ไหนก็จะติดอยู่ที่การบริหารกับกระทรวงคมนาคม
นี่คือสิ่งที่ผู้ว่าคนต่อไปควรจะนำเสนอให้กับกรุงเทพมหานครในการทำงานแบบไร้รอยต่อได้ ให้เกิดความต่อเนื่อง ให้ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึง platform ให้มีพันธกิจในการที่จะบริหารประชาชนในวงกว้างในระยะยาว และสามารถทำให้กรุงเทพมหานครไปอย่างที่เราฝันได้ เป็นเมืองสำหรับคนทุกคน เป็นเมืองที่มีสีเขียว เป็นเมืองที่มีความสะอาด เป็นเมืองที่มีความปลอดภัย เป็นเมืองที่ไม่ต้องเป็นเจ้าของรถ เป็นเมืองที่สามารถใช้การขนส่งสาธารณะ เป็นเมืองที่มีการศึกษาพร้อม เป็นเมืองที่จะสามารถดึงดูดเทคโนโลยีใหม่ๆ นี่คือสิ่งที่ผู้ว่าฯคนต่อไป แคมเปญ กทม.ต่อไปต้องคำนึงถึง และเป็นสิ่งที่ผมในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะทำเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลง กทม.ให้ได้