วันที่ 3 กรกฎาคม 2563 นาย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 จากที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้มีข้อสงสัยเกี่ยวกับภารกิจของกระทรวงคมนาคม ในประเด็นของ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า กระทรวงคมนาคมไม่เอาใจใส่ในการดูแลปัญหาความเดือดร้อนของประชนในพื้นที่ภาคใต้ โดยขอชี้แจงว่า การพัฒนาโครงข่ายทางหลวงในพื้นที่ภาคใต้ จะแบ่งเป็น 2 เรื่อง คือ 1. การบำรุงรักษาทางหลวงภาคใต้ ซึ่งมี 3 เส้นทาง ทางหลวงหมาย 4 (ถนนเพชรเกษม) ทางหลวงหมายเลข 41 และทางหลวงหมายเลข 42 ซึ่งมีการตั้งงบประมาณในการบำรุงรักษาตั้งแต่ปี 2558 จำนวน 7,055.91 ล้านบาท และงบประมาณซ่อมบำรุงทางหลวงสายหลัก ภาคใต้เพิ่มขึ้นทุกปี โดยปี 2563 ตั้งงบไว้ถึง 14,059 ล้านบาท ปี 2564 ได้เพิ่มเป็น 16,808 ล้านบาท เพื่อซ่อมบำรุงผิวถนน ทางหลวงสายหลักเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกและมีความปลอดภัย ในการสัญจร โดยกระทรวงคมนาคม ไม่ได้นิ่งนอนใจในการจัดสรรงบประมาณไปดูแล ขณะที่งบประมาณการซ่อมบำรุงทางหลวงทั่วประเทศนั้น ในภาคใต้จะได้รับงบประมาณทั้งสิ้น 4,519 ล้านบาท ภาคเหนือ ได้รับ 3,555 ล้านบาท ภาคกลาง ได้รับ 6,750 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับ 4,715 ล้านบาท เป็นสิ่งยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้งประชาชนภาคใต้และไม่ได้ทอดทิ้งประชาชนในทุกภาคเช่นกัน โดยมีการบริหารงบประมาณเพื่อดูแลสภาพถนนทุกสายให้ประชาชนได้ใช้สัญจรอย่างปลอดภัย
- การพัฒนาโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ในพื้นที่ภาคใต้ ขณะนี้ มี 2 โครงการ ได้แก่ มอเตอร์เวย์สาย นครปฐม-ชะอำ ระยะทาง 109 กม. ขนาด 4 ช่องจราจร วงเงิน 79,006 ล้านบาท โดยคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) ได้เห็นชอบแล้ว สำรวจที่ดินและทรัพย์สินเวนคืนแล้ว โดยเป็นเส้นทางที่เชื่อมกับมอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนทบทวนการศึกษารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และมอเตอร์เวย์สาย หาดใหญ่ – ชายแดนไทย/มาเลเซีย (M84) ระยะทาง 71 กม. ขนาด 4 ช่องจราจร วงเงิน 40,620 ล้านบาท ปัจจุบันออกแบบรายละเอียดเสร็จแล้ว และรายงานEIA ผ่าน คชก.แล้ว การศึกษา PPP เสร็จแล้ว
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า จากปัญหาการออกแบบและก่อสร้างถนน ที่ผ่านมา เส้นทางไม่สามารถเชื่อมต่อโครงข่ายที่สมบูรณ์ซึ่ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ให้ กระทรวงคมนาคมศึกษามอเตอร์เวย์ที่สามารถเชื่อมต่อทั่วประเทศ ภายใต้กรอบ 5 เรื่อง ได้แก่ 1. ถนนแนวตรงเพื่อให้เกิดการสัญจรสะดวก ลดอุบัติเหตุ 2. ไม่ผ่านเข้าชุมชน เพื่อไม่ซ้ำแนวถนนเดิมและมีปัญหาเวนคืน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 3. พัฒนาความเจริญสู่พื้นที่ใหม่ 4. สร้างชุมชนเมืองใหม่ 5. แยกการจราจรในเมือง (Local Traffic) ออกจากการเดินทางระหว่างเมือง (Through Traffic) โดยกระทรวงคมนาคมเห็นว่า การแยกศึกษามอเตอร์เวย์อย่างเดียวจะมีปัญหา เนื่องจากระบบโลจิสติกส์ทางบก มีเส้นทางรถไฟด้วย ซึ่งนโยบายต้องการใช้ระบบรางในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร รวมถึงการเชื่อมต่อการเดินทางของอาเซียนตามภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ซึ่งจากการศึกษาการแก้ปัญหาแบบบูรณาการโดยการพัฒนาโครงข่ายร่วมกันระหว่างทางรถไฟกับทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เป็นแผนแม่บท MR-MAP (มอเตอร์เวย์ –รถไฟทางคู่) รวม 8 เส้นทาง เพื่อเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจทุกภูมิภาคของประเทศกับด่านชายแดน ประเทศเพื่อนบ้าน
อย่างไรก็ตาม ในปี 2564 จะเป็นการศึกษาแผนแม่บท โดยใช้งบประมาณจากกองทุนมอเตอร์เวย์ ซึ่งประโยชน์จากการบูรณาการพัฒนามอเตอร์เวย์ – ทางรถไฟ 1. ลดผลกระทบต่อชุมชน 2. สร้างความคุ้มค่าในการลงทุน 3. กระจายความเจริญเข้าสู่ทุกภูมิภาค 4. ส่งเสริมการพัฒนาเมือง 5. พัฒนาเศรษฐกิจ 6. พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนนอกจากนี้ยังลดการลงทุนภาครัฐ ด้านค่าเวนคืนและลดการลงทุนโดยเปิดให้เอกชนต่างชาติเข้ามาลงทุน