อนุทิน ตอบรับ แก้หนี้นอกระบบ สั่งเร่งตรวจสอบ ทำคู่ปราบผู้มีอิทธิพล

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ที่ทําเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนหลังแถลงข่าว เรื่องการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ โดย นายอนุทิน เปิดเผยว่า ในส่วนกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดตัวชี้วัดการแก้หนี้เป็นรูปธรรม โดยเดือนที่แล้ว ได้มีการสั่งให้มีการตั้ง “ศูนย์ขึ้นทะเบียนพี่น้องประชาชนที่มีหนี้นอกระบบ” ซึ่งได้มีการเปิดให้ลงทะเบียนทั้งทาง “ออนไลน์” และ “ออฟไลน์”

ซึ่งหลังจากนี้ กระทรวงมหาดไทย จะมีการสั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอําเภอ ปลัดอำเภอ และกลไกของกระทรวงในการลงไปสำรวจ สอบถาม และเยี่ยมเยียนผู้ที่อาจจะตกหล่น ซึ่งจะรวมผู้ที่จะดำเนินการไกล่เกลี่ยเป็นหลัก คือ นายอำเภอ และนายตํารวจระดับผู้กำกับการ ขอย้ำว่า “เราจะพยายามแก้ไขปัญหาให้ได้มากที่สุด” ส่วนจะเอาไปรวมกับบัญชีผู้มีอิทธิพลใช่หรือไม่ ก็ต้องดูว่าหากกรณีเจ้าหนี้ไปขมเหงหรือรังแกชาวบ้าน ไปใช้อิทธิพลต่างๆ ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน กรณีนี้ก็เข้าลักษณะผู้มีอิทธิพล และยิ่งมาใช้อาวุธปืนด้วยก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เรากำลังจัดระเบียบสังคมให้มีความเป็นนิติรัฐให้มากที่สุด กฎหมายต้องดูแลความปลอดภัยของประชาชน เจ้าพนักงาน ฝ่ายปกครอง ฝ่ายตำรวจ ต้องดูแลความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งจะเป็นการทำงานร่วมกันของทุกฝ่าย

• หนังจีน ส่งผลกระทบ การท่องเที่ยวไทย พวงเพ็ชร เร่งหารือทำความเข้าใจ
  
  
• แจ้งข่าวประชาชน จ่ายเงินชาวนา เริ่มวันนี้ เช็กกำหนดการรับเงินได้ ที่นี่!
  
  
• ครม. เห็นชอบ ปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการบรรจุใหม่ เพื่อรัฐบาลที่ทันสมัย

ในส่วนเรื่องวันดีเดย์คงไม่มี เพราะเราทำมาตลอด เพียงแต่ว่าสมัยก่อนอาจทำได้เฉพาะการไกล่เกลี่ย เพราะเราไม่มีกฎหมายทางด้านนี้ แต่วันนี้เราพยายามจะเอากฎหมายมาใช้ให้มากที่สุด และวันนี้ที่ นายกฯ แถลงข่าวเรื่องนี้ก็มีมาตรการปิดท้ายมาด้วยคือการไปหาแหล่งเงินให้ มีธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสินมาด้วย ใช้สถาบันการเงินของรัฐมาประคองให้หนี้นอกระบบเหล่านี้ รีไฟแนนท์มาเป็นหนี้ในระบบแทน มีดอกเบี้ยที่มีความเป็นธรรมตามกฎหมาย มีดอกเบี้ยที่มีความเป็นธรรมตามกฎหมายกำหนด ไม่ถูกขุ่มเหงอีกต่อไป

“เราไม่ได้แก้หนี้ให้ชาวบ้านไม่มีหนี้นะ เพราะเราไม่สามารถยกหนี้ให้ได้ขนาดนั้นทั้งประเทศ แต่เราหาแหล่งเงินทุนมารีไฟแนนซ์ เรื่องหนี้เป็นความสมยอมระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ ซึ่งเราต้องแก้ปัญหาให้กับทั้งสองฝ่าย เช่นกรณีมีการจ่ายหนี้จนเกินเงินต้น ต้องพอแล้ว ถ้ายังไม่ปล่อยก็ต้องมีการไล่บัญชีกันเพื่อไม่ให้มีการข่มเหงรังแก ก่อความเดือดร้อน หรือเอาเปรียบ” นายอนุทิน กล่าว