วันที่ (20 ม.ค.) นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงปัญหาภัยแล้งในปีนี้ ว่า ปีนี้ภัยแล้งรุนแรงมากที่สุด ในรอบ 40 ปี นับตั้งแต่ปี 2522 เนื่องจากฝนตกน้อยกว่าค่าประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งความต้องการใช้น้ำของประชาชนมีมากขึ้น
ทั้งนี้ ทางภาครัฐต้องหาทางแก้ปัญหาโดยเร็ว โดยปกติภัยแล้งในไทยจะมีปัญหาแค่ในส่วนของภาคการเกษตรเท่านั้น ที่มีน้ำไม่พอในการทำการเกษตร แต่ปีนี้รุนแรงถึงน้ำที่ต้องใช้อุปโภคบริโภคไม่เพียงพอ น้ำทะเลหนุนสูงทำให้น้ำประปากร่อย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารจัดการ
นพ.ระวี กล่าวว่า หน่วยงานด้านการจัดการน้ำ ในประเทศไทยมีหลากหลายหน่วยงาน ทั้ง สำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ , กรมชลประธาน , กรมอุตุนิยมวิทยา , การประปานครหลวง และอีกมากมายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการ แต่ทำไมปัญหานี้เป็นปัญหาที่เรื้อรังกันมานาน ถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องปรึกษาหารือกันเพื่อหาทางออก และวางระบบเพื่อไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต
“หากไม่รีบแก้ปัญหา สถานการณ์ก็จะวนเวียนอยู่อย่างนี้ ช่วงหน้าร้อนก็เจอกับภัยแล้ง พอถึงหน้าฝนก็เจอกับน้ำท่วม ไปแบบนี้ไม่จบไม่สิ้น ในเมื่อทางรัฐบาลได้ตั้งหน่วยงานกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ มารับมือกับวิกฤตน้ำในครั้งนี้โดยเฉพาะ ดังนั้น ปัญหาควรจบให้ได้ในรัฐบาลชุดนี้ อย่าเป็นแค่การแก้ปัญหาเป็นครั้ง ๆ ไป” นพ.ระวี กล่าว
หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวอีกว่า การที่ต้องมาเสียงบประมาณที่มาจากภาษีประชาชนกับเรื่องปัญหาน้ำนี้ทุกปี เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งเป็นปัญหาที่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ถ้าแก้ปัญหานี้ได้ จะประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้อีกมาก
“ไม่เพียงแต่การแก้ปัญหา ไม่ให้เกิดน้ำประปากร่อยเท่านั้น ต้องแก้ไปถึงภาคการเกษตร ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกร ทางภาครัฐต้องมีคำตอบให้กับประชาชนว่า จะมีการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างไร รวมถึงแผนบริหารการจัดการน้ำในอนาคตว่าจะเป็นรูปเป็นร่างเมื่อใด ปัญหานี้จะได้หมดไปจากประเทศเสียที หากยังแก้ไม่ได้อย่างน้อยต้องมีแผนปฏิบัติที่จะเกิดขึ้นได้จริง และมีการติดตามการดำเนินงานอย่างชัดเจน” หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ระบุ