www.ไทยชนะ.com นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ รองเลขาธิการพรรค ก้าวไกล แสดงความคิดเห็น ผ่านเฟซบุ๊ก กรณีการผลิตแอปพลิเคชั่น #ใครชนะ และระบุว่าถ้ายังผลิตแอปซ้ำซ้อนออกมาเรื่อยๆ เทคุณภาพลงไปในแอปทางการเดียว #ไทยชนะ แน่นอน
เป็นเวลาเกือบครึ่งปีแล้วที่โลกได้เผชิญกับวิกฤตโควิด-19 จนตอนนี้กำลังจะเกิดคลื่นการระบาดระลอกที่ 2 (ยกตัวอย่างกรณีที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้) แต่ละประเทศต่างมีประสบการณ์การรับมือที่แตกต่างกันออกไป ประสบความสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง
ในเมื่อเรามีประสบการณ์การรับมือแบบกระทันหันกันไปแล้ว ก็ควรหาทางรับมือแบบยั่งยืนและเข้ากับยุคสมัยเพื่อเตรียมพร้อมในขั้นต่อไปด้วย นั่นคือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการตรวจหาผู้ติดเชื้อแบบที่เรียกกันว่า Contact tracing หรือการตรวจสอบประวัติการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นเพื่อประเมินความเสี่ยงในการติดเชื้อนั่นเอง
ถ้าพูดถึงแอปพลิเคชันมือถือสำหรับการสู้ภัยโรคระบาด หลายท่านก็คงจะพอได้ยินชื่อ “หมอชนะ” (กระทรวงดิจิทัลฯ), “ไทยชนะ” (ศบค. และกระทรวงดิจิทัลฯ) , “Air track” (กองทัพอากาศ), “Thai.care” (หอการค้าและกระทรวงสาธารณสุข) กันมาบ้าง ทั้งหมดเป็นผลงานของรัฐบาลไทยในปัจจุบัน
ฟังดูเป็นการดีที่รัฐบาลได้ผุดไอเดียทำแอปจำนวนมากขึ้นมาเพื่อประชาชน อย่างไรก็ตาม แต่ละแอปที่กล่าวมานี้ได้รับการริเริ่มโดยคนละกระทรวงคนละหน่วยงานกันทั้งหมด มิพักยังมีหน้าที่และฟังก์ชันการทำงานที่ละม้ายคล้ายคลึงกันเสียเหลือเกิน เพราะทุกแอปมีเป้าประสงค์ในการตรวจหาผู้ติดเชื้อแบบ Contact tracing เหมือนกันหมด
มีความจำเป็นจริงๆ หรือที่จะต้องผลิตแอปจำนวนมากขนาดนี้สู่สาธารณะ? เรายินดีที่หน่วยงานภาครัฐพยายามจะริเริ่มอะไรใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์และมีประโยชน์ แต่การกระทำเช่นนี้รังแต่ก่อให้เกิดความซ้ำซ้อนโดยไม่จำเป็น
พรรคก้าวไกลจึงขอเรียกร้องให้รัฐไม่เพียงแต่หนักแน่นในการกำหนดแอปเดียวที่เป็นทางการเท่านั้น แต่จะต้องหยุดสร้างความสับสนแก่ประชาชนด้วย แล้วนำทรัพยากรในการผลิตแอปอย่างกระจัดกระจายมาเทลงไปในการพัฒนาแอปดังกล่าวจะดีที่สุด
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ต้องเลือกเอาสักทาง รัฐควรรีบทำให้เกิดฐานผู้ใช้ในระบบเดียวจนมีฐานข้อมูลขนาดใหญ่เพียงพอ ระบบ Contact Tracing จะเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่สามารถใช้งานได้จริงได้นั้น จำนวนฐานผู้ใช้ในระบบนี้ต้องใหญ่เพียงพอ และต้องมีฐานข้อมูลชุดเดียว แอปเดียว อยู่บนระบบเดียวกัน
นอกจากนี้ พวกเรายืนยันมาโดยตลอดว่า ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว (Security vs Privacy) ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเลือกเสมอ ทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สามารถทำควบคู่ไปด้วยกันได้ในหลายๆ กรณีหากระบบถูกคิดและถูกออกแบบมาอย่างดีพอ
ยกตัวอย่างในกรณีของแอป “ไทยชนะ” ที่กำลังจะถูกใช้เป็นการทั่วไปนี้ จะดีกว่าไหมถ้าระบบสามารถรองรับการใช้งาน “คิวอาร์โค้ดติดตัว (Static QR Code)” ที่เปิดโอกาสให้ประชากรกลุ่มที่ “ไม่” สามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟน และอินเทอร์เนตได้ สามารถเป็นผู้ใช้ในระบบนี้ได้ด้วยเช่นกัน โดยการพก QR Code ที่ถูกพิมพ์ออกมาบนบัตรนี้ไว้ใช้ติดตัวแทน ไม่จำเป็นต้องใช้เครืองมือสื่อสารใดๆ เลย
เพราะถ้าเราต้องเจอคลื่นลูกต่อๆ ไปอีก มีหวังได้ปิดเมืองใหญ่กันอีกรอบแน่ๆ หากยังไม่มีอะไรที่ดีไปกว่า “ปืนยิงวัดไข้” ในตอนนี้
ผมเชื่อว่านักพัฒนาไทยไม่แพ้ใครในโลก แต่กลไกรัฐไทยเคยทำให้เราชนะใครบ้างไหม?
#ก้าวไกล #ไทยชนะ #ใครชนะ #ContactTracing
( ทั้งนี้มีรายงานว่าแอปพลิเคชั่น ไทยชนะ เปิดตัวครึ่งวันแรก เช็คอิน 4,635 คนต่อนาที ผ่านเว็บไซต์ www.ไทยชนะ.com ตั้งแต่เวลา 6.00 น. (17 พ.ค.63) หลังจากได้รับความร่วมมืออย่างดีจากร้านค้า และประชาชนผู้ไปใช้บริการในการปฏิบัติตามมาตรการเพื่อป้องกันแพร่ระบาดไวรัสโควิด )