กลุ่ม watchdogthailand/WDT นำกลุ่มประชาชนชาวซอยโพธิ์ปั้น 10 ที่หมดความอดทน หลังพบหลายพฤติกรรมของคุณป้า ที่สร้างความเดือดร้อนและรำคาญ ให้กับเพื่อนบ้านในละแวกนั้น ไม่หยุดไม่หย่อน และไม่สามารถจัดการอะไรได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ล่าสุด จึงมีการรวบรวมรายชื่อผู้เดือดร้อน เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ในเรื่องเดิม รวมถึงการทำทารุณกรรมสัตว์
โดยวันนี้ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า บ้านดังกล่าวเป็นทาวน์เฮ้า 2 ชั้น อยู่ภายในซอยโพธิ์ปั้น 10 เป็นของคุณป้ารายหนึ่ง ที่พบว่า ภายในบ้านค่อนข้างสกปรก และมีกลิ่นเหม็นอย่างมาก เนื่องจากเลี้ยงสัตว์ไว้หลายชนิด เช่น สุนัข ที่มีนับ 10 ตัว ไก่และนกพิราบ โดยถูกกักขังอยู่ในกรง สภาพสัตว์ทั่วไปค่อนข้างทรุดโทรม นอกจากนี้ ยังมีเสียงเห่าหอน มีการผสมพันธุ์กันเอง และหมาทยอยตายอย่างต่อเนื่อง บางตัวที่ป้ารัก ก็นำมาสต๊าฟเก็บตั้งโชว์หน้าบ้าน สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านละแวกนั้นมากว่า 30 ปี
นอกจากนี้ ยังพบพฤติกรรมแปลกๆ ของคุณป้า ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับเพื่อนบ้านต่อเนื่อง เช่น การต้นกระถางต้นไม้กลางถนน การทุบรถที่ไปจอดขวางหน้าบ้าน หรือการสาดน้ำสกปรกใส่เพื่อนบ้าน สร้างความเดือดร้อนต่อเนื่อง โดยไม่ยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แต่มักกจะอ้างเรื่องข้อกฎหมายตามสิทธิ์ที่ว่าทำให้ ล่าสุด ทางชาวบ้านได้รับตัวกันเพื่อเข้าชื่อร้องเรียนกับทุกฝ่ายที่้่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงยื่นถึงองค์กรรักษ์สัตว์เพื่อเข้ามาช่วยเหลือ หลังพบการทารุณกรรมส่ัตว์ด้วย
เพื่อนบ้านเผยว่า คุณป้าแกเชื่อเรื่องโชคลาภ และเชื่อว่าต้องเลี้ยงหมาให้ได้ 100 ตัวขึ้นไป จึงจะเสริมบารมี ที่สำคัญอยากให้คุณป้าหยุดสร้างความเดือดร้อน และอยู่ด้วยกันอย่างเป็นปกติสุข
ขณะที่ พันตำรวจเอก เสนิต สําราญสํารวจกิจ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 และ พันตำรวจเอก กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง เข้ามารับเรื่องราวร้องทุกข์ และได้ขอหมายศาลเข้าตรวจค้นภายในบ้านคุณป้า ที่พบว่าหมายังเหลืออีกสิบกว่าตัว นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น กทม. และกำลังประสานกับกรมปศุสัตว์ เพื่อเข้ามาดำเนินการ เพื่อแก้ปัญหาในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การดูแลรักษาความสะอาดตาม การทารุณกรรมสัตว์ พร้อมขอให้ชาวบ้านอดทน เนื่องจากต้องทำอย่างรอบคอบเพื่อให้ทุกขั้นตอนเป็นไปตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรอหมายตรวจค้นบ้านของคุณป้า เพื่อจะเข้าไปตรวจสอบให้ชัดเจนในข้อเท็จจริง ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป โดยจะมีแพทย์จากกลุ่ม WDT ร่วมตรวจสอบด้วย