รมช.ศึกษาธิการ ห่วงเด็กวิจัยฝุ่น เผยข้อมูลเวิลด์แบงค์ ปี 2030 จะถูก AI แทนที่ทำคนตกงาน 72% จี้ครูปฏิรูปทำหน้าที่กระตุ้นการเรียนรู้ ให้เด็กพบตัวเอง ดึงศักยภาพและสร้างแรงบันดาลใจ ระบุมหาวิทยาลัยไทยเสี่ยงปิดตัว บริษัทยักษ์ใหญ่เมินปริญญาหากทำงานได้ เร่งสร้างคุณภาพตอบโจทย์สังคมโลกเพื่อหนีตาย
ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ อุดม คชินพร รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงศึกษาธิการ ปาฐกถามพิเศษ เรื่อง “แนวทางการปฏิรูปการศึกษาสู่การพัฒนาประเทศ” ในมหกรรม “ปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปประเทศ” ว่า การศึกษาที่จะช่วยพัฒนาชาติ ต้องปรับตนเองให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เป็นสังคมเศรษฐกิจฐานความรู้ เนื่องจากแนวโน้มของโลกที่เกิดขึ้นคือนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะเข้ามาทดแทนแรงงาน บัณฑิตจะตกงานมากขึ้น ซึ่งข้อมูลจากธนาคารโลกหรือเวิลด์แบงก์ระบุว่า ในปี 2030 จะมีคนตกงานสูงถึง 72% ดังนั้น ครูจะต้องปรับตัวเพื่อสอนเด็กให้เข้าสู่อาชีพใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่อาชีพในอดีตถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี นอกจากนี้พบว่า ในประเทศสหรัฐอเมริกาลมหาวิทยาลัย 4,000 ทั่วประเทศ มีมหาวิทยาลัยปิดตัวไปแล้วประมาณ 500 แห่ง และภายใน 10 ปีข้างหน้า มีแนวโน้มว่าจะมีมหาวิทยาลัยปิดตัวลงอีกมากว่า 50% ซึ่งในประเทศไทยก็มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นเช่นกัน เนื่องจากมีปัจจัยที่คุกคามสถาบันอุดมศึกษาเกิดขึ้นมากมาย มหาวิทยาลัยจึงต้องปรับตัว พัฒนาหลักสูตรให้ตอบโจทย์ผู้เรียน พัฒนาคุณภาพให้เข้มขึ้น และหลักสูตรต้องตอบโจทย์ความต้องการของประเทศและสังคมโลก
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก รับสมัครงานโดยไม่สนใจปริญญา แต่ให้ความสำคัญกับทักษะความสามารถ การทำงานร่วมกับผู้อื่น และความสามารถในการสร้างองค์ความรู้ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าสามารถทำงานได้ไม่ด้อยไปกว่าผู้ที่จบปริญญา แต่ความล้มเหลวของการศึกษาไทย คือ ไม่ได้ทำให้เด็กรู้จักตัวเอง ทำให้ไม่รู้ว่าจะพัฒนาไปด้านใดครูจึงต้องสอนให้เด็กคิด วิเคราะห์ ดึงศักยภาพของเด็กออกมา กระตุ้นการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจเพื่อให้เขาค้นพบตัวเองและไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้
“การสร้างคนไทยยุค 4.0 ต้องเป็นดิจิตอลไทย ไม่ใช่ 4.0 ที่เป็นอนาล็อกแบบเดิม เพื่อสร้างให้เด็กไทยทันโลก เปลี่ยนให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง สถานศึกษาต้องสร้างกลไกบูรณาการ สร้างทักษะให้เด็กทำงานได้จริง ตอบโจทย์ความต้องการภาคอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงของโลก มาวิทยาลัยต้องเป็นสถานที่สำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการศึกษาสายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีต้องมีความรู้สังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์อยู่ด้วย ในปี 2025 โลกจะเปลี่ยนอย่างมาก จะเกิดอาชีพใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะอาชีพเดิมจะถูกแทนด้วย AI มหาวิทยาลัยไทยต้องเน้นการวิจัยและนวัตกรรม เชื่อมโยงการศึกษาทุกระดับ และเน้นการฝึกฝนทักษะให้เด็กด้วยการปฏิบัติจจริง” นายแพทย์ อุดมกล่าว