“สุเทพ” ลั่นพร้อมสู้คดีโรงพัก ! หลังโดน ป.ป.ช.ชี้มูล ย้ำมีศักดิ์ศรีพอ ไม่ขอเป็นสุนัขไปกราบผู้มีอำนาจ ยันรอฟังศาลตัดสินคดีกบฏ 25 ก.ค.นี้
24 ก.ค.62-ที่ศาลอาญา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย(มปท.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด กรณีโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง ว่า อยากถามทางป.ป.ช.ว่าชี้มูลความผิดเรื่องอะไร ตนก็อ่านตามข่าวจากหนังสือพิมพ์ เพราะฉะนั้นในเนื้อหาลึกๆ ขออนุญาตว่า ให้ได้รับแจ้งจากป.ป.ช.อย่างชัดเจนก่อน แล้วตนจะชี้แจงในแต่ละประเด็น ตามข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นที่สนใจของประชาชน จำเป็นที่ต้องมีคำอธิบายต่อประชาชนบ้าง เพราะกรณีเรื่องการก่อสร้างสถานีตำรวจแล้วไม่แล้วเสร็จ ได้มีการหยิบยกมาเป็นประเด็นทางการเมือง กล่าวหาโจมตีมาหลายปีแล้ว เริ่มตั้งแต่ช่วงที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โดยคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีตน คือนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ขณะนี้ก็ได้ดำเนินคดีกับนายธาริต เพราะฉะนั้นเมื่อป.ป.ช.มีมติชี้มูลมา จึงเป็นโอกาสที่จะได้นำหลักฐานไปพิสูจน์ตามกระบวนการยุติธรรม แล้วคดีนี้คงใช้เวลาไม่นานเพราะต้องไปสู่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
“อีกไม่นานความจริงก็จะปรากฏขึ้น ในการต่อสู้คดีในศาลฎีกา ส่วนคนที่คิดร้ายกับผม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเก่า กลุ่มใหม่ผมไม่ติดใจอะไรให้เขาลิงโลดยินดีไปสักพัก ผมก็ได้แต่ปลง เพราะว่าก่อนหน้านี้ ก็มีคนพยายาม มาบอกให้ผมไปกราบไหว้วิงวอนใครบางคน ผมก็มาคิดว่าผมทำงานการเมืองมาตลอดเวลา ผมก็มีศักดิ์ศรี ผมไม่ใช่สุนัข ฉะนั้นผมตั้งใจอย่างเดียวว่าถ้าเพื่อประชาชนแล้วให้ผมทำอะไรผมก็ทำได้ แต่ว่าจะไปขอความเมตตาจากคนที่คิดว่ามีอำนาจแล้ว แต่ผมเลือกที่จะพิสูจน์ศักดิ์ศรี ด้วยการนำความจริงทั้งหมดไปสู้คดีในศาลฎีกา ผมจะไม่หลบหนีไปไหน เตรียมตัวที่จะสู้คดี”นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่า ในสัญญาการก่อสร้างโรงพัก เหตุใดจึงมีการเปลี่ยนแปลงสัญญา นายสุเทพ กล่าวว่า ไว้รอฟังรายละเอียดดีกว่า แต่ขอเรียนว่าสื่อว่า ให้ระมัดระวังในการนำเสนอข่าว จากการตรวจข่าววันนี้ มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงมาก และตนอาจจะจำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิทางกฎหมาย เพราะสื่อต้องดูว่าข่าวนั้นใครเป็นคนพูดและพูดว่าอย่างไร
ส่วนในเรื่องคดีกบฏฯ ว่า นายสุเทพ กล่าวว่า ในวันที่ 25 ก.ค.นี้ ศาลอาญาจะพิจารณากลุ่มผู้ต้องหาชุดเล็กจำนวน 4 คน คือนายสกลธี ภัททิยกุล นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม นายเสรี วงษ์มณฑา และนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ โดยตนก็จะมาร่วมฟังคำพิพากษา เพราะเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกับตนด้วย ในฐานะเป็นผู้ร่วมการต่อสู้มาด้วยกันตนก็จะไปนั่งฟังการตัดสินของศาล และมาอยู่เป็นกำลังใจให้กับเพื่อผู้ร่วมอุดมการณ์